บทความพิเศษผณิตา ไชยศร สำนักวิชาการระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา กรณีเขาพระวิหาร ที่ดูเหมือนจะทำท่ายืดเยื้อไปอีกสักระยะหนึ่ง
นอก จากจะนำมาซึ่งประเด็นสำคัญด้านภูมิยุทธศาสตร์ เช่น เรื่องเส้นเขตแดน พรมแดน ดินแดน อธิปไตยของรัฐ รวมไปถึงเรื่องสนธิสัญญาทั้งหลาย ให้บรรดานักวิชาการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วิพากษ์ วิจารณ์ วิเคราะห์ กันอย่างเมามันแล้ว
อีกประเด็นที่ถูกยกขึ้นมา จะว่าเป็นเครื่องมือในการระดมพล หรือหาแนวร่วม ก็อาจจะไม่ผิดนัก นั่นก็คือ เรื่องของ "ชาตินิยม"
มัน เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจว่า คำว่า "รัฐ" "เขตแดนของรัฐ" "อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนของรัฐ" "ความเป็นชาติ" "ความรักชาติ" "ความหวงแหนในสมบัติของชาติ" "การสูญเสียทรัพย์สินของชาติ" "ความภาคภูมิใจในชาติ" "ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสองรัฐ หรือชาติสองชาติ ที่อยู่ติดกัน" จะถูกตอกย้ำให้พวกเราได้ยินกันบ่อยครั้ง เมื่อมีคนพูดถึงเรื่องไทย-กัมพูชา
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า เราจะ "ตีความ" คำว่า "ชาตินิยม" กันอย่างไร เพื่อให้ผลจากการตีความนั้นออกมาเป็นอย่างไร และเพื่ออะไร
ชาตินิยม = ชาติ + นิยม = นิยม ในความเป็นชาติ
คำ ถามจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า "ความรู้สึกชาตินิยมมันดีหรือไม่" เพราะสิ่งที่เราทุกคนควรจะพินิจพิเคราะห์ก็คือ "จะทำให้ความรู้สึกชาตินิยมนั้นดี และมีประโยชน์ได้อย่างไร"
ดังนั้น หน้าที่ของพวกเรา ก็คือ การตอบคำถามอย่างน้อยก็ใน 2 ส่วน คือ (1) ส่วนเฉพาะตัวเราฝ่ายเดียว และ (2) ในส่วนของการประสานความสัมพันธ์กับชาติอื่น ดังนี้
คำถามสำหรับตัวเราแต่ฝ่ายเดียว (Unilaterally)
1)
เราอยากจะนิยมความเป็นชาติแบบไหน
2) ความเป็นชาติของเราที่มีอยู่ หมายถึงอะไรบ้าง
3) แล้วเรานิยม หรือไม่นิยมจุดไหน ประเด็นไหนในความเป็นชาติที่มีอยู่บ้าง
4) เราจะเผยแพร่และรักษาสิ่งที่เรานิยมไว้ได้อย่างไร
5) เราจะแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือกำจัด สิ่งที่เราไม่นิยมในความเป็นชาติของเราได้หรือไม่ และอย่างไร
6) คำว่า "เรา" ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความแตกต่างของแต่ละบุคคล จะทำอย่างไรที่จะให้เกิด "ความนิยมร่วมกัน" "ความดีร่วมกัน" "ความเห็นพ้องต้องกัน" "เจตนารมณ์ร่วมกัน" "ความคาดหวังร่วมกัน" "เป้าหมายร่วมกัน" "คุณค่าเดียวกัน" ในประเด็นหลักๆ ที่สำคัญ แม้จะเพียงไม่กี่ประเด็น (ในเชิงปริมาณ) แต่มีนัยยะที่ดี ที่สำคัญ เป็นประโยชน์ และส่งผลต่อ "เรา" (ในเชิงคุณภาพ)
7) ทั้งหมดทั้งมวลนั้น คือการค้นหา และสร้าง Identities (ตัวตัว) ที่ "เรา" เห็นพ้องร่วมกันว่าต้องการจะรักษา ดูแล ยึดมั่น นิยมชมชอบ เผยแพร่ สร้างกระแสค่านิยมอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเป็นค่านิยมถาวร วัฒนธรรม และวิถีปฏิบัติ
ฯลฯ
และเมื่อ "เราใน 1 รัฐ หรือ 1 รัฐชาติ" ไม่ได้อยู่ลำพังในโลกนี้ ปฏิสัมพันธ์กับอีกหลายๆ ตัวแสดง หรือหลายๆ ชาติ ทำให้มีสิ่งที่ต้องคิดต่ออีกระดับ
คำถามสำหรับความสัมพันธ์กับชาติอื่นๆ
(Bilaterally/Multilaterally/Universally)
1)
"เรา" อยากจะเผยแพร่อะไรใน "ความเป็นชาติของเรา" ให้ชาติอื่นนิยม ยอมรับ และเข้าใจ
2) ดังนั้น "Identities ของเรา" ก็ควรจะเท่ากับ หรือใกล้เคียงกับ "Image" ของเรา ใช่หรือไม่ เพื่อให้เกิดความเชื่อใจ และความไว้ใจระหว่างกันในระยะยาว และอย่างมั่นคงถาวร
3) แล้ว "เรา" จะยอมรับ "ความแตกต่างของแต่ละชาติ" เคารพและเข้าใจ "ความรู้สึกนิยมในความเป็นชาติของคนชาติอื่นๆ" ได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไร
4) ความเข้าใจ ใน "ธรรมชาติของมนุษย์ หรือของรัฐขั้นพื้นฐาน" จะนำไปสู่ "สันติภาพ" ซึ่งควรจะเป็น Common Will ของ "เรา ในฐานะมนุษย์โลก" ได้อย่างไร
5) แล้ว "เรา...มนุษย์" ที่มี สันติภาพ เป็น Common goal (เป้าหมายร่วม) จะชักชวน (persuade) ให้เพื่อนของเราที่ยังไม่เห็น หรือยังไม่มี Common Value (ค่านิยมร่วมกัน) Common Goal (เป้าหมายร่วมกัน) Common Will (เจตนารมณ์ร่วมกัน) มาเห็นพ้องกับ "เรา" ได้อย่างไร ยาวนานและมั่นคง เพียงใด
6) Common Goal (เป้าหมายร่วมกัน) จะทำให้ "เรา" พยายามที่จะหาช่องทาง (Channels) เครื่องมือและวิธีการ (Means) ในช่วงเวลา (Time) ที่เหมาะสม เพื่อก้าวไปสู่หรือได้มา (Achieve) ซึ่งเป้าหมายนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ประเด็นอยู่ที่ว่า จะมียาอะไรหรือไม่ ที่จะรักษาอาการเหล่านี้ ที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อมีอุปสรรคเข้ามาขัดขวางเส้นทางสู่เป้าหมายร่วมของเรา
- ยารักษาอาการขี้ลืม ... ลืมว่าเรากำลังจะเดินไปไหน เดินไปยังไง ด้วยกัน ลืมบทเรียนที่เราได้จากประวัติศาสตร์ที่เคยล้มลุกคลุกคลาน หรือทำให้เจ็บมาด้วยกัน
- ยารักษาอาการขี้เกียจ ... ขี้เกียจที่จะพูดคุย ขี้เกียจที่จะสร้างทางด้วยกัน
- ยารักษาอาการเหน็ดเหนื่อย ท้อแท้ หรือเบื่อหน่าย และหมดความอดทน ... เหน็ดเหนื่อยกับการทำความเข้าใจในความคิดที่แตกต่าง ท้อแท้กับการแก้ปัญหาที่อาจใช้ระยะเวลายาวนาน เบื่อหน่ายกับการรอคอยผลลัพธ์ที่ยังไม่เห็นวี่แวว
- ยารักษาอาการเคยชินกับสิ่งที่ไม่ควรจะเป็นที่นิยม ... เคยชินกับความรุนแรง ความโกรธ การไม่ไว้ใจ การโกหก และอีกหลายๆ "ความหรือการ" ที่บดบังหรือทำลาย Common Will ของพวกเราไป
ฯลฯ
คราวนี้ก็ได้เวลาที่จะหันมาถามว่า แล้วอะไรที่จะเป็นความดีร่วมกัน เป้าหมายร่วมกัน ค่านิยมร่วมกัน ได้บ้าง
ผู้ เขียนเชื่อว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ยากเกิดไปที่พวกเราจะเห็นหรือค้นหา เมื่อมนุษย์เกิดมามีพื้นฐานหรือธรรมชาติซึ่งประกอบด้วยความดีร่วมกันอยู่ ส่วนหนึ่งที่สำคัญอยู่แล้ว
มันเหมือนกับความเสมอภาคและความเท่าเทียม กันที่ธรรมชาติให้มากับเราทุกคนแต่เกิด สำหรับผู้เขียนแล้ว ความแตกต่างนั้นเป็นเรื่องปลีกย่อยและเล็กน้อย เพราะมันตั้งอยู่บนพื้นฐานความเหมือน ความเสมอภาค และความเท่าเทียมของคนเราทุกคน ...
ถ้ามีใครมาบอกว่าไม่มีความเสมอภาคในโลกนี้ ไม่จริงหรอก ถามตัวเองดีๆ ใครบ้างไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ และไม่ตายบ้าง
... ยังไงซะ "เราทุกคน" ก็คือคน "เหมือนกัน" ...
เมื่อ จุดเริ่มต้นและจุดสุดท้ายของความทรงจำในทุกๆ หนึ่งชีวิตมันเหมือนกัน ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกที่เราจะมีอะไรๆ อย่างอื่นที่จะนิยมเหมือนกันในระหว่างทางใช่หรือไม่
เป้าหมายที่จะ มีร่วมกันได้ ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล แค่ถามตัวเองว่า "เราชอบอะไร" ถ้าเราโดนกระทำแบบนั้นหรือแบบนี้ เราจะพอใจ ชอบใจ หรือไม่ชอบใจ
... ถึงจะมีสิ่งที่ชอบไม่เหมือนกัน แต่อะไรที่ทุกคนชอบเหมือนกันถึงจะมีจำนวนไม่มาก แต่ก็มักจะเป็นเรื่องที่สำคัญเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น ลองถามใจตัวเอง (ในเบื้องต้น) ก่อนว่า
คำถามชุดแรก
"เราชอบทะเลาะกันมั้ย"
"เราชอบความไม่ไว้ใจกันหรือไม่"
"เราชอบความรุนแรงด้วยมั้ย"
"เราชอบการดูถูกดูแคลนกันหรือไม่"
"เราชอบบึ้งตึง ไม่พูดจา ไม่คบหา กับคนที่เราเคยดีต่อกันในอดีตมั้ย"
"เราชอบการสูญเสียสิ่งที่เราเคยรักและผูกพันหรือไม่"
"เราชอบเสียน้ำตาด้วยความเศร้าใจมั้ย"
"เราชอบหัวใจเต้นแรงเพราะความโกรธหรือไม่"
"เราชอบการแก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น มั้ย"
"เราชอบการยุแยงตะแคงรั่วหรือไม่"
"เราชอบการใส่ร้าย ป้ายสี มั้ย"
"เราชอบการทุจริต คอร์รัปชั่น ฉ้อโกงหรือไม่"
ฯลฯ
หรือ
คำถามชุดสอง
"เราชอบที่จะหัวเราะ ยิ้ม อุ่นใจ กับสิ่งที่เราเคยหัวเราะ ยิ้ม และอุ่นใจด้วย ใช่มั้ย"
"เราชอบดีต่อกัน ช่วยเหลือกัน แบ่งปัน มีน้ำใจระหว่างกัน กับคนที่ดีกับเรา หรือไม่"
"เราชอบความไว้ใจ และความเชื่อใจ กับคนที่เรานิยมชมชอบ ใช่มั้ย"
"เราชอบความสงบ สันติภาพ ความมั่นคงในสิ่งดีๆ ที่มีร่วมกัน หรือไม่"
"เราชอบหัวใจเต้นแรง เพราะความดีใจ ใช่มั้ย"
"เราชอบน้ำตาไหลด้วยความตื้นตันใจ หรือไม่"
"เราชอบความซื่อสัตย์ โปร่งใส จริงใจ ใช่มั้ย"
"เราชอบกำลังใจ ความปรารถนาดี เจตนาดีๆ หรือไม่"
"เราชอบการให้เกียรติกัน ไม่ดูถูกกัน ไม่สาดโคลนใส่กัน ใช่หรือไม่"
"เราชอบความยุติธรรม
หรือไม่"
ฯลฯ
ถ้า คำตอบของคำถามชุดแรก คือ "ไม่" และคำตอบของคำถามชุดสอง คือ "ใช่" ?Common Will (เจตนารมณ์ร่วม) Common Goodness (ความดีร่วม) ของทุกคนก็มีมาให้เห็นแล้วใช่ไหม
ถ้าทุกคน หรือทุกชาติเห็นพ้องว่า ประเด็นหรือสิ่งต่างๆ ในคำถามชุดล่าง คือสิ่งที่ควรทำ ควรมี ควรนิยม ควรรักษาไว้ระหว่างคนในชาติ และอยากที่จะเผยแพร่ ชักจูงให้คนต่างชาติ "เห็น" "มี" "เข้าใจ" ถึงการคงอยู่ของประเด็นเหล่านี้ (ที่บางทีก็ถูกหลงลืมไป) จนกระทั่งมา "นิยม" กับสิ่งดีๆ ของความเป็นชาติเราด้วยแล้ว ความรู้สึกชาตินิยม ก็จะเป็นสิ่งที่ดี และไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการนำสิ่งที่ไม่ควรจะนิยมเข้ามาในประชาคมโลก ใช่ไหม
แต่ยังไงก็ตาม การค้นหาหรือมองเห็นเป้าหมาย หรือความดีร่วมกัน รวมทั้งการหาเส้นทาง หรือเครื่องมือที่จะก้าวไป รักษา และได้มา ซึ่งสิ่งนั้นๆ เป็นเรื่องของการเรียนรู้ตลอด (หลาย) ชีวิต (อาจจะหลายชั่วอายุคนด้วยเช่น)
บางครั้งก็ต้องการตัวกระตุ้นแรงๆ ปลุกจิตสำนึกบ้าง แต่ถ้าเจตนาที่ดียังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความพยายามที่พวกเราจะเจอมัน
... อะไรๆ มันก็อยู่ของมันตรงนั้น แค่เพียงเราจะมองเห็นและให้ความสำคัญกับมันหรือไม่ ก็แค่นั้นเอง
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็นเรื่องที่ต้องร่วมด้วยช่วยกันหาลู่ทางและคำตอบนะคะ ทำคนเดียวไม่ได้
ล้ม บ้าง ลุกบ้าง สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง เหนื่อยบ้าง มีแรงบ้าง หยุดพักบ้าง เดินหน้าบ้าง ถอยบ้าง รุกบ้าง ... ก็ต้องเรียนรู้และยอมรับกันไป
ทั้งดีและร้าย ก็คือบทเรียนที่ดี ที่เราจะมีแต่ได้ทั้งนั้น
คำถามใหญ่จึงอยู่ที่ว่า "เพื่ออะไร เพื่อใคร และอย่างไร"
ที่มา มติชนออนไลน์