วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วิจารณ์ซีรีย์เกาหลี City Hunter พร้อมชมทั้ง 20 ตอน



 ละครเกาหลีเรื่องซิตี้ฮันเตอร์(City Hunter) ที่เพิ่งจบไปไม่ถึงเดือนที่ผ่านมานี้เองเพราะเรื่องนี้ผมชอบเนื้อหาหรือหัวใจของเรื่องนี้ส่วนตอนจบของเรื่องนี้มีคนวิพากษ์วิจารณ์กันมากโดยเฉพาะคนไทยที่ติดตามดูซีรีย์เรื่องนี้อย่างลุ้นระทึกแต่พอเวลาจบก็จบแบบดื้อๆ เพราะคนไทยชอบดูฉากซึ้งๆแบบ Happy Ending มากทำให้ส่วนใหญ่พี่ไทยไม่พอใจกับฉากจบนี้มากส่วนตัวผมเห็นว่าละครเกาหลีเกือบที่ทุกเรื่องเวลาจบจะชอบขัดใจท่านผูชมโดยเฉพาะคนไทยจริงๆ เพราะเนื้อหาของละครเกาหลีส่วนมากจะนำเสนอหัวใจของเรื่องเท่านั้น โดยเฉพาะที่ผมพูดถึงในเรื่องนี้ เพราะเนื้อหาของเรื่อง City Hunter มีอยู่ว่าจาก พระเอกของ City Hunter อียูยซอง (อีมินโฮ) ผู้ชาย อายุ 28 ปี ใน City Hunter ยูนซอง เกิด 9 ตุลาคม 1983 ในโซล เมื่อเกิดระเบิดในพม่าทางเกาหลีใต้คิดว่าเกาหลีเหนือเป็นฝ่ายโจมตีเพราะช่วงปีนั้นเกาหลีเหนือและใต้กำลังรบกัน(ปัจจุบันก็ยังคงสถานะสงครามกันอยู่แต่แค่เซ็นสัญญาหยุดยิงเฉยๆ)

ประเด็นก็คือว่าช่วงนั้นทางเกาหลีใต้ส่งทีมปฏิบัติการลับผสมพลเรือนทหารทั้งหมด 21 คนเข้าไปในเกาหลีเหนือเพื่อปฏิบัติการตอบโต้หลังจากโดนระเบิดที่พม่าและปฏิบัติการสำเร็จแต่่ทางเกาหลีใต้ไม่ยอมรับว่ามีการปฏิบัติการตอบโต้ด้วยความรุนแรงแบบนี้จึงทำให้ข้าราชการระดับสูงซึ่งเป็นหัวหน้าของทีมปฏิบัติการนั้นตัดสินใจเก็บลูกน้องตัวเองด้วยความจำใจ ซึ่ง 1 คนในทีมนั้นรอดชีวิตหลังจากนั้นคือ อีจินพโย ซึ่งรู้ว่าใครเป็นคนสั่งเก็บทีมปฏิบัติการซึ่งมีอยู่ 5 คนโดยในปัจจุบัน 1 ใน 5 คนนั้นคือ ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ซึ่งต่อมา อีจินพโย ก็กลายมาเป็นพ่อเลี้ยงของยูซอง และยูซองก็ได้รับการฝึกการทำสงครามอย่างเชี่ยวชาญ (รวมถึงการใช้ปืน) ในสามเหลี่ยมทองคำ (จึงมีการถ่ายทำในประเทศไทยด้วยสุดหนึ่ง)

 เบื้องหลังทางด้านการศึกษาของพระเอกคือจบดอกเตอร์ทางด้านวิศวะคอมพิวเตอร์จาก MIT เขาได้รับการว่าจ้างให้อยู่ในทีมหน่วยรักษาความปลอดภัยของ Blue House และใที่สุดก็ได้มาอยู่ที่เกาหลี
 ในความจริงแล้ว อียูนซอง อยู่ใฐานะลูกของอีจินพโย ผู้ที่ดูแลองกรค์ขนาดใหญ่ด้านยาเสพติดในอาเซียน(คิดว่าตัวเองเป็นขุนส่าม้าง) อย่างไรก็ตาม เขาก็ทำงานเป็นบอดี้การ์ด(หรือผู้รักษาความปลอดภัยส่วนตัว) ใน Blue House และที่รู้กันคือเป็นดอกเตอร์ที่น่าสงสาร

แต่สุดท้ายเรื่องมาแดงขึ้นว่าพ่อจริงๆของพระเอก(ลียูนซอง) ก็คือ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ผู้ที่สั่งฆ่าทีมปฏิบัติการลับของอีจินพโยผู้ที่เป็นพ่อเลี้ยงเค้า สุดท้ายก็จบแบบงงๆ คือมาจบในตอนที่ 20 ว่าใครจะตายไม่ตายสุดท้ายก็ไม่มีฉากกุ๊กกิ๊กแบบพระเอกนางเอกไทยแต่ทุกอย่างทุกหมดไม่ใช่ประเด็นๆสุดท้ายคือทีมปฏิบัติการลับทั้ง 21 คนได้รับเกียรติจากประเทศและประธานาธิบดีก็ยอมรับความผิดที่เกิดขึ้น

ความจริงเรื่อง City Hunter นี้ดัดแปลงมาจากการ์ตูนชื่อดังของญี่ปุ่นครับ






ดูซีรีย์เกาหลี City Hunter ทั้ง 20 ตอนที่นี่


เมื่อฝรั่งร้องเพลงลาว(ຝຣັງຣອ້ງເພງພາສາລາວ)




เมื่อฝรั่งที่มีใจรักในภาษาและวัฒนธรรมของลาว เสียงดนตรีทำให้พวกเค้ามารวมตัวกันเป็นวง ULUVUS (ยู-เลิฟ-อัส) คุณนุชพาเราไปพบมิตรภาพที่สื่อสารกันได้มากกว่าภาษาในรายการจับกระแสแลโลก

ภาพทั้งวงของ ยู-เลิฟ-อัส ขอบคุณภาพจาก http://www.facebook.com/ULUVUS

แต่ที่ผมจะพูดถึงในบทความนี้คือเรื่องเสน่ห์ของอาเซียนเพราะการที่ฝรั่งร้องเพลงไทย เช่น โจนัส และ คริสตี้ หรือไม่ว่าจะเป็นคนญี่ปุ่นร้องเพลงไทยอย่าง "วงหนุมาน" สิ่งที่ได้เห็นอาจจะไม่คุ้นชินตาสำหรับคนไทยส่วนใหญ่เพราะเราส่วนมากจะพูดถึงเรื่องไกลตัวอย่างเพลงสากลในแบบภาษาอังกฤษแบบร็อคดั่งเดิมหรือเวลามองโลกก็มองข้ามความเป็นตัวตนหรือวัฒนธรรมภาษาบ้านเกิดไป ที่ผมกล่าวไปข้างตนเพียงแต่อยากจะให้สำนึกหรือตระหนักถึงความเป็นอยู่วัฒนธรรมเราที่เคยถือปฏิบัติกัน การที่คนต่างชาติต่างภาษารวมทั้งวัฒนธรรมอีกทั้งไม่ใช่คนที่ร่วมใช้วัฒนธรรมเดียวกันอย่างในภูมิภาคอาเซียนด้วยแล้ว กรณีที่ฝรั่งต่างชาติหรือคนต่างด้าวเท้าต่างแดนให้ความสนใจในภาษา วิถีความเป็นอยู่ทั้งวัฒนธรรมประเพณีของเราชาวไทย-ลาว หรือทั้งอาเซียน เราอาจมองเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเราทำไมเค้าหลงไหลในวัฒนธรรมของเราปานฉะนี้ ดังนั้นเมื่อมองในทางกลับเมื่อต่างชาติเค้าหลงเราแล้วทำไม่เราหลงต่างชาติหัวทองอยากกินแบบเค้า ทำอะไรให้เหมือนเค้า เออ.. น่าคิดนะครับ(ไว้คิดต่อ)

ผมบ่นมาเยอะแล้วเดี๋ยวของเข้าเรื่องรายละอียดของวงนี้ก่อนซึ่งผมชอบความพยายามของวงนี้มากในการร้องเพลงภาษาลาวที่ดูตลกๆแกมอมยิ้มไปในตัวเพราะฝรั่งวงนี้มมีความพยายามและขอชื่นชมในสิ่งที่ทำจริงๆ ถ้าใครชอบพอวงนี้แฟนๆที่รู้จักวงน้ก็มีอยู่จำนวนมากพอควร ณ ที่ผมเขียนบทความนี้ก็กว่า 17,000 คนแล้ว ท่านใดที่ชอบแต่ยังไม่ได้กด like ก็ขอเชิญแวะเวียนไปให้กำลังใจวงดนตรีแนวๆ วงนี้ ที่ http://www.facebook.com/ULUVUS ส่วนเว็บไซต์ทางการของวงนี้คือ http://www.uluvus.com/

ULUVUS มีสมาชิกในวงมี 6 คนเนื่องจากผมกลัวออกเสียงพลาดดังนี้ใช้ชื่อทับศัพท์เลย
กีตาร์/นักร้อง : CHRIS CRASH
กีตาร์/นักร้อง : ROGER ROCK
กีตาร์ : MEE WAH WAH
คีย์บอร์ด : DR. LUV
กลอง : TOM O'HAWK
เบส : DATA BASS

นี่คือตัวอย่างเพลงครับคัดมาให้เฉพาะที่ผมชอบแล้วกัน

เพลง กิ๊กใหม่


เพลง บ่เป็นหยัง (ความหมายก็คือสวยอยู่แล้วไม่ต้องแต่งตัวนานหรอก 55+)


อีกเพลง สาวสายตาจริงใจ


อีกเพลงจริงๆชอบมั่กๆ ชื่อเพลง : พิจารณา (แนวดี)

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วงศาคณาญาติ โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์



สำนักข่าว TCIJ รายงานว่า ในสภาที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งมาครั้งนี้ มี ส.ส.89 คนที่มีญาติอยู่ในสภาเดียวกัน เพราะต่างมาจากตระกูลการเมือง 42 ตระกูล

คอลัมนิสต์ท่านหนึ่งของบางกอกโพสต์บอกว่า ที่จริงมีมากกว่านี้เสียอีก เพราะมี ส.ส.ที่นามสกุลไม่ตรงกัน แต่เป็นญาติกันอีกจำนวนหนึ่ง ซ้ำหากมองให้กว้างกว่านั้นขึ้นไปอีก คือรวมไปถึงนักการเมืองที่ถูกห้ามเล่นการเมือง ก็ยังมีพ่อ, เมีย และญาติสายอื่นๆ เข้ามานั่งในสภาอีกจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน

การเมืองในระบบสภาของเรา จึงเป็นเรื่องของการต่อรองกันระหว่างกลุ่มตระกูลหรือครอบครัว (และเครือข่าย) เพียงไม่กี่ครอบครัวเท่านั้น
ใครๆ ก็คงเห็นพ้องต้องกันว่า นี่เป็นอาการเจ็บป่วยกระเสาะกระแสะของประชาธิปไตยไทยแน่ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าความเจ็บป่วยนี้เกิดขึ้นจากอะไร หลายคนคงยกความผิดให้แก่นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งฝ่ายเดียว คนเหล่านี้มี "บารมี" อย่างสูงในท้องถิ่นของตน เป็นที่พึ่งของคนในท้องถิ่น ทั้งครอบครัวและเครือข่ายได้รับความภักดีจากคนในท้องถิ่น จนสมัคร ส.ส.เมื่อไรก็ได้รับเลือกตั้งเมื่อนั้น

นี่เป็นวิธีมองที่ว่า การเถลิงอำนาจของครอบครัวการเมืองเป็น "กิริยา" กล่าวคือเป็นการกระทำของนักการเมือง (ชั่วๆ) เอง แต่เราอาจมองในทางกลับกันได้ว่า การเถลิงอำนาจของครอบครัวการเมืองเหล่านี้เป็น "ปฏิกิริยา" กล่าวคือครอบครัวตอบสนองต่อเงื่อนไขทางการเมือง, เศรษฐกิจ, สังคม, วัฒนธรรมอย่างหนึ่ง โดยการรวมพลังของกลุ่มใกล้ชิดที่เรียกว่าครอบครัว เพื่อเข้าไปหาประโยชน์ในเงื่อนไขดังกล่าว

ถ้ามองให้กว้างกว่าสภา (และการเมือง) ครอบครัวคือสถาบันที่เข้มแข็งที่สุดของสังคมไทย เพราะสามารถปรับตัวรองรับเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุด ดีกว่าสถาบันใดๆ ในประเทศไทยทั้งสิ้นด้วย

จากการร่วมแรงและเฉลี่ย ทรัพย์สินในครอบครัว เพื่อการผลิตพอยังชีพในอดีต เผชิญกับภัยพิบัติตามธรรมชาติ และภัยจากโจรและรัฐมาจนถึงยุคทุนนิยม ครอบครัวไทย (และไทยจีน) ปรับตัวมาตลอด ร่วมทุนเพื่อเข้าสู่ตลาดอย่างมีพลัง ส่งสมาชิกไปหาเงินสดในเมือง หรือเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจรัฐ ใช้ครอบครัวเป็นฐานในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจและอำนาจ (นับตั้งแต่ลูกสาวได้เป็นเจ้าจอมไปจนถึงได้เป็นเมียเก็บผู้มีอำนาจ)

ไม่ เฉพาะแต่ประชาชนทั่วไปเท่านั้น หากมองไปถึงธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งหมดในประเทศไทย ไม่ใช่ครอบครัว (และเครือข่าย) หรอกหรือที่กุมทรัพย์สินส่วนใหญ่ของบริษัทไว้ในมือมาหลายชั่วคน แม้ระเบียบของธนาคารชาติและตลาดหลักทรัพย์ ก็ไม่เคยสามารถละลายการยึดกุมธุรกิจสาธารณะเหล่านี้จากครอบครัวได้

มอง การเมืองให้ไกลจากสภา แล้วสังเกตนามสกุลของ "ผู้ใหญ่" ในกรมกองราชการกับกองทัพให้ดี ไม่เคยได้ยินนามสกุลอย่างนี้มาก่อนหรือ เหตุใดคนนามสกุลอย่างนั้นๆ จึงได้ดีเด่นดังมาเป็นชั่วโคตรได้อย่างนี้ แล้วยังสถาบันทางการเมืองอื่นๆ นอกสภาอีกมาก ไม่ใช่ครอบครัวหรอกหรือ

การเมือง (ในความหมายกว้าง) ของไทยทั้งหมด คือธุรกิจครอบครัวทั้งนั้น ไม่เฉพาะแต่สภาผู้แทนราษฎรอย่างเดียว
ยิ่ง ไปกว่านี้ ยังน่าสนใจอย่างยิ่ง หากวิเคราะห์ลงไปถึงว่า ครอบครัวซึ่งกุมอำนาจทางการเมืองไทยเป็นใครมาจากไหน สร้างสายสัมพันธ์ข้ามไปสู่ครอบครัวอื่นๆ หรือไม่อย่างไร ก็จะมองเห็นทั้งความเปลี่ยนแปลงและความไม่เปลี่ยนแปลง และนี่คือการวิเคราะห์ "ชนชั้นนำ" ท้องถิ่นของไทย ในบริบทของ "ชนชั้นนำ" ระดับประเทศ หรือภาวะการนำระดับประเทศ

และดังที่กล่าวแล้วว่า นี่เป็นการมองบทบาทของครอบครัวในเงื่อนไขทางสังคม ไม่ใช่มองระดับปรากฏการณ์ว่าครอบครัวใดแผ่อิทธิพลอย่างไร ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงจึงไม่น่าสนใจเท่าความไม่เปลี่ยนแปลง

นับแต่ การเลือกตั้งครั้งแรกๆ ส่วนใหญ่ของ ส.ส.ประเภทหนึ่งที่มาจากต่างจังหวัดคือชนชั้นนำท้องถิ่น และจำนวนไม่น้อยของคนเหล่านี้ สัมพันธ์เชื่อมโยงกับชนชั้นนำตามประเพณีในท้องถิ่น เช่นเป็นลูกหลานเจ้าเมืองเดิม ชนชั้นนำตามประเพณีในท้องถิ่นเคยมีสายสัมพันธ์โยงไยมาถึงชนชั้นนำตามประเพณี ในส่วนกลาง จึงไม่แปลกอะไรที่บางคนในกลุ่ม ส.ส.ชนชั้นนำท้องถิ่นร่วมสร้างพรรค ปชป.ขึ้นด้วย

นี่ก็เป็นเรื่องของครอบครัวเหมือนกัน
ใน เวลาต่อมา ส.ส.เริ่มมีชนชั้นนำท้องถิ่นรุ่นใหม่เข้ามาปน คนเหล่านี้เป็นครูหรือผู้มีการศึกษาในท้องถิ่น บางคนอาจเชื่อมโยงกับชนชั้นนำท้องถิ่นตามประเพณี แต่ก็เป็นรุ่นหลังซึ่งสายสัมพันธ์กับชนชั้นนำตามประเพณีในส่วนกลางเจือจางลง แล้ว คนเหล่านี้หันมาสนับสนุนท่านปรีดี พนมยงค์ ซึ่งเป็นชนชั้นนำรุ่นใหม่ ซึ่งแม้เชื่อมโยงกับชนชั้นนำตามประเพณีของส่วนกลางอยู่บ้าง แต่ก็ค่อนข้างห่าง และไม่ได้รับความไว้วางใจจากชนชั้นนำตามประเพณีนัก

อัน ที่จริงไม่ใช่เฉพาะท่านปรีดี แม้แต่ศัตรูหรือคู่แข่งของท่านอื่นๆ ในคณะราษฎร ก็ล้วนสัมพันธ์เชื่อมโยงกับชนชั้นนำตามประเพณีเพียงห่างๆ เหมือนกัน แต่คณะราษฎรยังสามารถกำราบชนชั้นนำตามประเพณีในส่วนกลางได้ ก็ด้วยเหตุผลสองประการ คือคณะราษฎรยังคุมกองทัพได้อยู่ และในขณะนั้น มีความแตกร้าวในหมู่ชนชั้นนำตามประเพณีอย่างสูง

ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมาเกิดขึ้นจากนโยบายพัฒนาของสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เพราะก่อให้เกิดการแตกตัว (diversification) ของชนชั้นนำทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นอย่างมโหฬาร

ใน ส่วนกลาง ระบอบพ่อขุนอุปถัมภ์ของเขาทำให้กองทัพเข้ามาเป็นแกนกลางของการเมืองไทยเต็ม ตัว ครอบครัวและเครือข่ายของนายทหารจำนวนมากสร้างฐานะจากระดับรองๆ หรือปลายแถวของชนชั้นนำ ขึ้นมาเป็นระดับแนวหน้า รวมถึงข้าราชการพลเรือนบางครอบครัว และ "นักวิชาการ" ที่สฤษดิ์ดึงเข้าไปทำงานในหน่วยงาน "พัฒนา" ใหม่ๆ ด้วย

ในขณะเดียว กัน เพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่ระบอบพ่อขุนอุปถัมภ์ของตน สฤษดิ์ก็ฟื้นฟู "ภาวะการนำ" เชิงสัญลักษณ์ให้แก่ชนชั้นนำตามประเพณี เป็นโอกาสให้คนเหล่านี้สามารถขยายเครือข่ายออกไปอย่างกว้าง ดังนั้นจึงเกิดขั้วของภาวะการนำขึ้นสองขั้วในส่วนกลาง

ได้แก่ขั้วของ "ขุนนางใหม่" ของระบอบพ่อขุนอุปถัมภ์ขั้วหนึ่ง และขั้วของชนชั้นนำตามประเพณีอีกขั้วหนึ่ง
ที่ น่าสนใจคือการที่ชนชั้นนำตามประเพณีสามารถผนวกกลืนเอาอีกขั้วหนึ่ง เข้าไปให้เชื่อมโยงกันได้อย่างสนิทแนบแน่น มีการแต่งงานข้าม "ชนชั้น" กันหลายกรณีในช่วงนี้ จนเราเคยชินที่จะเห็น ม.ร.ว.นามสกุลเจ๊ก จะว่าไปความสำเร็จสุดยอดของชนชั้นนำตามประเพณี ที่สามารถขยายอำนาจของตนในเศรษฐกิจและการเมืองได้ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง และผันผวนครั้งนี้ ก็คือการสร้างสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับเหล่าคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายตีนได้ อย่างสนิทแนบแน่น กลายเป็นกลุ่มครอบครัวชนชั้นนำที่ยึดกุมเศรษฐกิจและการเมืองไทยสืบมาจนถึง ทุกวันนี้

บทบาททางเศรษฐกิจและการเมืองของชนชั้นนำจึงมีฐานที่ครอบ ครัวและเครือข่ายของครอบครัว แต่น่าเสียดายที่การแตกตัวของชนชั้นนำไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจทำให้เกิดชนชั้นนำรุ่นใหม่ในส่วนกลางตามมาอีก อย่างไม่หยุดหย่อน

ชนชั้นนำตามประเพณีต้องขยายเครือข่ายของตนออกไปเรื่อยๆ ในขณะที่เหมือนสถาบันชนชั้นนำในทุกสังคม กล่าวคือมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยน "สถานะ" ของตนเองไปเป็น "ชนชั้น" การผนวกกลืนจึงทำได้ยากขึ้น และอาจไม่ประสบความสำเร็จในหลายกรณี

เช่นเดียวกับในส่วนกลาง ในท้องถิ่นก็เกิดการแตกตัวของชนชั้นนำอย่างรวดเร็วเหมือนกัน การผลิตเชิงพานิชย์อย่างเข้มข้นขึ้นเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้เกษตรกรรมไทยเปลี่ยนไป และภายใต้เงื่อนไขใหม่นี้ก็เกิดชนชั้นนำรุ่นใหม่ขึ้นทั่วไป ตอบรับกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม

คนเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องสืบเนื่องอย่างไรกับชนชั้นนำตามประเพณีในท้อง ถิ่น เป็นคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายตีนที่ไม่ได้ผ่านการอบรมของกระบวนการการศึกษาแบบ ที่ชนชั้นนำตามประเพณีได้วางเอาไว้ (เช่นไม่ได้จบจุฬาฯ, หรือจปร. หรือออกซ์ฟอร์ด)

และคนเหล่านี้แหละที่ส่งตนเองหรือคนในครอบครัวและ เครือข่ายมาเป็น ส.ส. ซ้ำเป็น ส.ส.ส่วนใหญ่ในสภาด้วย แต่ก็เป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้ถูกผนวกกลืนเข้าไปในกลุ่มชนชั้นนำส่วนกลาง และด้วยเหตุดังนั้น สภาจึงเป็นเครื่องมือควบคุมการเมืองของชนชั้นนำได้น้อยลง ส.ส.เหล่านี้น่ารังเกียจเย้ยหยัน และสภาก็เป็นเวทีตลกร้ายของชนชั้นนำตามประเพณีและเครือข่ายของตนมากขึ้น ทุกที

ในขณะที่ปัญหาเก่าซึ่งเกิดจากความเปลี่ยนแปลงทาง เศรษฐกิจ-สังคมยังแก้ไม่ได้ ชนชั้นนำที่ส่วนกลางกลับต้องเผชิญปัญหาใหม่ การเลือกตั้งที่ผ่านมาสองครั้ง ชี้ให้เห็นว่า แม้ผู้สมัครจะอาศัยเครือข่ายของครอบครัว แต่ประชาชนผู้เลือกตั้งอาจไม่ได้เลือกจากเครือข่ายอุปถัมภ์ระหว่างครอบครัว ของนักการเมืองกับครอบครัวของตนอีกแล้ว (อย่างน้อยก็ประชาชนจำนวนหนึ่งซึ่งมีทีท่าว่าจะเพิ่มจำนวนขึ้นด้วย) ผู้เลือกตั้งจำนวนหนึ่งในท้องถิ่นเริ่มกลายเป็นปัจเจกบุคคล แทนที่จะเป็นสมาชิกของครอบครัวและเครือข่าย

ตรงตามอุดมคติ ประชาธิปไตยที่ชนชั้นนำส่วนกลางชอบอ้าง (แม้ว่า ตัวชนชั้นนำเองกลับใช้ครอบครัวเป็นฐานในการขยายอำนาจทางเศรษฐกิจและการ เมือง) แต่เพราะใช้วิจารณญาณในการเลือกตั้งแบบปัจเจกนี้แหละ ที่ทำให้คนซึ่งได้เป็น ส.ส.นับวันก็จะไร้หัวนอนปลายตีนมากขึ้น

เวลานี้ หัวหน้า "ไพร่" ได้เป็น ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ ครั้งหน้าก็จะมีหัวหน้า "ไพร่" ได้เป็น ส.ส.เขต

ความไม่เปลี่ยนแปลงของการเมืองระบบครอบครัวของชนชั้นนำที่ส่วนกลาง จึงน่าสนใจตรงนี้

(ที่มา หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 8 สิงหาคม 2554)

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

8 สิงหาคม วัน(เกิด)อาเซียน

ปรับปรุงเนื้อหาโดย นักวิชากวรอิสระ



 วันนี้ 8 สิงหาคม พ.ศ.2554(2011) เป็นวันครบรอบ 44 ปีในการก่อตั้งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อังกฤษ: Association of South East Asian Nations) หรือ อาเซียน(ASEAN)

ชื่อตามภาษาอื่น เช่น  

东南亚洲国家的协会 (จีน)  

Tenggara (อินโดนีเซีย)  

សមាគមន៏ប្រជាជាតិអាស៊ីអាគ្នេយ (เขมร)  

ສະມາຄົມປະຊາຊາດແຫ່ງອາຊີຕະເວັນອອກສຽງໃຕ້ (ลาว) 

Persatuan Negara-negara Asia Tenggara (มาเลย์)

Kapisanan ng mga Bansa sa Timog-Silangang Asya (ตากาล็อก) 

Hiệp hội các quốc gia Đông Nam Á (เวียดนาม)



สาเหตุทำไมวันนี้คือวันอาเซียนหรือวันเกิดของอาเซียน?

สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจุดเริ่มต้นนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2504 โดยประเทศไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ได้ร่วมกันจัดตั้ง สมาคมอาสา (ASA, Association of South East Asia) ขึ้นเพื่อการร่วมมือกันทาง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม แต่ดำเนินการได้เพียง 2 ปี ก็ต้องหยุดชะงักลง เนื่องจากความผกผันทางการเมืองระหว่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย จนเมื่อทั้งสองฟื้นฟูสัมพันธภาพระหว่างกัน จึงได้มีการแสวงหาลู่ทางจัดตั้งองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจขึ้นในภูมิภาค "สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" และถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยสมัยรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร โดยมีการลงนาม "ปฏิญญากรุงเทพ" ที่พระราชวังสราญรมย์ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510 ซึ่งลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสมาชิกก่อตั้ง 5 ประเทศ ได้แก่ อดัมกับอีฟ มาลิกแห่งอินโดนีเซีย นาร์ซิโซ รามอสแห่งฟิลิปปินส์ อับดุล ราซัคแห่งมาเลเซีย เอส. ราชารัตนัมแห่งสิงคโปร์ และถนัด คอมันตร์แห่งไทย ซึ่งถูกพิจารณาว่าเป็นบิดาผู้ก่อตั้งองค์กร

อนึ่งอาเซียน(ASEAN)เป็นองค์กรทางภูมิรัฐศาสตร์และองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มีประเทศสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ บรูไน ลาว กัมพูชา เวียดนาม และพม่า อาเซียนมีพื้นที่ราว 4,435,570 ตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 590 ล้านคน ในปี พ.ศ. 2553 จีดีพีของประเทศสมาชิกรวมกันคิดเป็นมูลค่าราว 1.8 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ คิดเป็นลำดับที่ 9 ของโลกเรียงตามจีดีพี มีภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ

อาเซียน(ASEAN)มีจุดเริ่มต้นจากสมาคมอาสา ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2504 โดยไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ แต่ได้ถูกยกเลิกไป ต่อมาในปี พ.ศ. 2510 ได้มีการลงนามใน "ปฏิญญากรุงเทพ" อาเซียนได้ถือกำเนิดขึ้นโดยมีรัฐสมาชิกเริ่มต้น 5 ประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความร่วมมือในการเพิ่มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ การพัฒนาสังคม วัฒนธรรมในกลุ่มประเทศสมาชิก และการธำรงรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค และเปิดโอกาสให้คลายข้อพิพาทระหว่างประเทศสมาชิกอย่างสันติ หลังจาก พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา อาเซียนมีรัฐสมาชิกเพิ่มขึ้นจนมี 10 ประเทศในปัจจุบัน(2011) กฎบัตรอาเซียน (Asean Charter) ได้มีการลงนามเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 ซึ่งทำให้อาเซียนมีสถานะคล้ายกับสหภาพยุโรปมากยิ่งขึ้นเขตการค้าเสรีอาเซียนได้เริ่มประกาศใช้ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2553 และกำลังก้าวสู่ความเป็นประชาคมอาเซียน(ASEAN Community) ซึ่งจะประกอบด้วยสามด้าน คือประชาคมอาเซียนด้านการเมืองและความมั่นคง ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ในปี พ.ศ. 2558

เพราะฉะนั้นจากวันที่ 8 สิงหาคม 2510 จนถึงในวันนี้จึงเป็นวันเกิดของอาเซียนหรือวันอาเซียนครบรอบ 44 ปีพอดี โดยปัจจุบันเราหมู่มวลมิตรประเทศทั้ง 10 เริ่มกำลังเข้าสู่ความเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ.2558 ดังนั้นจึงมีคำขวัญมาฝากเป็นของอาเซียนที่ได้กำหนดไว้ว่า "One Vision, One Identity, One Community" หรือ "หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งเอกลักษณ์ หนึ่งประชาคม" ก่อนหน้าในวันนี้เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ทางการลาว(สปป.ลาว) ได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองเดินวิ่งเพื่อสุขภาพ ณ บริเวณประตูชัย นครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อระลึกถึงวันครบรอบ 44 ปีของอาเซียนและครบรอบ 14 ปีของ สปป.ลาวที่เข้าเป็นสมาชิกของอาเซียนเช่นกัน(ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.vientianemai.net/teen/khao/1/3963)

ที่มา วิกิพีเดีย

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สงสัยไหม ภาษาฮิปตัวย่อต่างๆ บน facebook- Twitter -BB-iPhone ฯลฯ แปลว่าอะไร?

เดี๋ยวนี้ เวลาแชท   โพสต์อะไร  แสดงความในใจ ออกความคิดเห็น รู้สึกนึกคิดอย่างไร บนโลกไซเบอร์ ในยุคการสื่อสาร  social network  ต่างก็มี โค้ดลับ  คำแปลกๆ จากภาษาเกิดขึ้นมากมาย หลายคนอาจสับสน บางคอมเม้นท์ของเพื่อน ขึ้นตัวย่อภาษาอังกฤษแบบแปลกๆ มาไม่เว้นแต่ละคำ ชวนทำให้มึนตึ้บ โดยเฉพาะเวลาแชทกับเพื่อนชาวต่างชาติ ที่ใช้ตัวย่อจัดเยอะ มาเต็ม  ทั้งที่พอทราบความหมายบ้าง และไม่รู้ที่มาของมันบ้าง แต่ต้องแก้เก้อ เออออห่อหมกตามน้ำไปเรื่อยๆ  ทำตัวเนียนๆ อินเทรนด์แสร้งว่าไม่ตกยุคกันไป

มติชนออนไลน์  จึงหยิบเอา ควาหมายของแต่ละคำตัวย่อ จากทั้งตามโพสต์ คอมเม้นท์  การแสดงความคิดเห็นต่างๆ หรือแม้กระทั่งการติดต่อสื่อสารพูดคุยแบบย่อๆ จากทั้งบนเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ เอ็มเอสเอ็น หรือแม้กระมั่งการคุยผ่าน แบล็คเบอร์รี่ ไอโฟนฯลฯ ซึ่งคุณ  jokergameth  เขารวบรวมคำแปลความหมายของแต่ละคำที่น่าสนใจ มาถ่ายทอดให้คุณผู้อ่านได้เก็ต คำไหนแปลว่าอะไร สื่อความหมายอย่างไร ไปค้นดูกันเลย

lol   มาจาก  lot of laugh / l0lz - laugh out loud

omg  มาจาก oh my God

xoxo  มาจาก   Hugs and Kisses 

hbd  มาจาก  Happy Birthday

tc  มาจาก  take care

tq  มาจาก Thank You

i <3 u  มาจาก  I love you

ain′t   มาจาก  am not

aka มาจาก  also known as

2m  มาจาก tomorrow

b.f.f.  มาจาก best friend forever

msg  มาจาก message

comnt  มาจาก  comment

bf / gf  มาจาก boyfriend / girlfriend

brb  มาจาก be right back

4rm  มาจาก from

igg มาจาก  i gotta go

emo มาจาก  emotional

faq มาจาก  Frequently Asked Question

Rip  มาจาก Rest in peace (ใช้ในการแสดงความไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิต)

heh   มาจาก  haha / 55   (55 นี่ ไทย เป็นผู้ริเริ่ม)

nu   มาจาก new

re  มาจาก reply

ps2   มาจาก  Play Station 2

sis   มาจาก sister

y2b   มาจาก  Youtube

yup  มาจาก  yes

zig   มาจาก cigarette

*คำส่วนใหญ่ จะย่อจากพยางค์หน้าสุดของคำ  ส่วนบางคำที่ใช้ตัวเลขแทน บางครั้งก็ใช้การอ่านออกเสียงที่เหมือนกัน เช่น 5n - fine   หรือบางคำ ที่ใช้ ตัวเลขที่คล้ายกันตัวอักษร เช่น 9 เหมือนกับ g 9009l3 - Google

25 คำศัพท์วัยรุ่นที่พ่อแม่ควรรู้!

p911 - parent emergency (parent near)

CD9 Code 9 - means parents are around

ที่มา มติชนออนไลน์