วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553

"มานิต"เซ็นตั้งรองปลัดมท.สอบมติก.พ.ค.3ประเด็น "บุญจง"ปัดข่าวซื้อขายตำแหน่ง เปิดชื่อ41นอภ.แห้ว

วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 12:32:00 น.  มติชนออนไลน์


"มานิต"เซ็นตั้งรองปลัดมท.สอบมติก.พ.ค.3ประเด็น "บุญจง"ปัดข่าวซื้อขายตำแหน่ง เปิดชื่อ41นอภ.แห้ว

เผย รายชื่อ 41 นายอำเภอ ส่อ"กินแห้ว" กก.พิทักษ์ระบบคุณธรรม มีมติให้มหาดไทยยกเลิกคำสั่งแต่งตั้ง "มานิต"เซ็นตั้งรองปลัดมท.ปธ.สอบมติก.พ.ค.3 ประเด็น ก่อนเพิกถอนคำสั่งตั้ง 41 นอภ. "บุญจง" ปัดข่าวซื้อขายตำแหน่ง อ้างข่าวปล่อยจากคนอกหักในมท.


"บุญจง"ปัดข่าวซื้อขายตำแหน่งนอภ. อ้างข่าวปล่อยจากคนอกหัก

 

ที่รัฐสภา นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) มีมติให้นายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งนายอำเภอ ประเภทอำนวยการระดับสูง ประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ จำนวน 41 ราย ตามคำสั่ง มท.ที่ 28/2553 ลงวันที่ 15 มกราคม 2553 ว่า ภายหลังทราบมติก.พ.ค. นายมานิตได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการคัดเลือกและบรรจุนาย อำเภอ 41 รายเรียบร้อยแล้ว โดยมีนายวิบูลย์ สงวนพงษ์ รองปลัดมท. เป็นประธาน เพื่อพิจารณาตรวจสอบมติก.พ.ค. ที่ชี้ความผิดปกติออกมาใน 3 ประเด็น ทั้งนี้การตรวจสอบดังกล่าวต้องทำโดยเร็วและต้องแล้วเสร็จก่อนการแต่งตั้งโยก ย้ายครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคมนี้

ผู้สื่อข่าวถาม ว่า ก.พ.ค. สั่งให้ปลัดมท. เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้ง 41 นายอำเภอ แต่ปลัดมท.  กลับแต่งตั้งรองปลัดมท. ขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้อีก ถือเป็นการตรวจสอบตัวเองและจะมีผลหรือไม่ นายบุญจง กล่าวว่า เหตุที่ต้องตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบเพื่อดูข้อเท็จจริงเป็นรายประเด็น และดูว่าควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร เช่น นายอำเภอ ทั้ง 41 รายที่ได้รับเลื่อนขึ้นมาเป็นระดับ 9 ควรต้องกลับไปอยู่ในระดับ 8 เหมือนเดิมหรือไม่ มันมีประเด็นปลีกย่อยมากมาย ก่อนจะเพิกถอนคำสั่งต้องดูรายละเอียดก่อน ไม่ใช่พอสั่งมาปุ๊บต้องดำเนินการทันที


ส่วนกรณีที่ นายกรัฐมนตรีสั่งให้ทุกกระทรวงดูแลการแต่งตั้งโยกย้ายให้เป็นธรรม แต่มักปรากฏข่าวการซื้อขายตำแหน่งขึ้นในกระทรวงมหาดไทยนั้น นายบุญจงกล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงใหญ่ มีข้าราชการจำนวนมาก เวลาแต่งตั้งแต่ละครั้ง คนผิดหวังก็คงออกมาให้ข่าวเรื่องการเรียกรับเงิน ซึ่งต้องดูแต่ละครั้งว่ามีหลักฐานหรือไม่ หรือพูดกล่าวหาลอยๆ เหมือนกรณีการสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าในการแต่งตั้งของมท. ที่ผ่านมาได้ดำเนินการตามระเบียบก.พ. และทำทำอย่างด้วยความโปร่งใสและรอบคอบ


เมื่อถามว่า การพูดของนายกฯ ถือเป็นการกดดันและตีกรอบการทำงานเกินไปหรือไม่ รมช. มหาดไทยกล่าวว่า คงไม่ใช่ ไม่ถือเป็นการตีกรอบอะไร แต่นายกฯ อาจห่วงใยในฐานะผู้นำรัฐบาล ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้เราเกิดความรอบคอบ



จากกรณีที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ที่ให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งนายอำเภอ ประเภทอำนวยการระดับสูง ประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ จำนวน 41 ราย  ตามคำสั่ง มท.ที่ 28/2553 ลงวันที่ 15 มกราคม 2553 แต่นายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) กลับออกมาส่งสัญญาณอาจไม่ปฏิบัติตามมติ ก.พ.ค. ที่จะให้ยกเลิกให้เหตุผลว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงถึงขั้นต้องยกเลิกคำสั่งนั้น

นายศราวุธ เมนะเศวต ประธาน ก.พ.ค.กล่าวว่า มติ ก.พ.ค.ที่ออกมาเกิดจากการร้องทุกข์ของข้าราชการรายหนึ่ง ซึ่งตามมาตรา 123 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ระบุว่าเมื่อ ก.พ.ค.วินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ประการใดแล้ว ให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม ปลัดกระทรวง รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือนายกรัฐมนตรี ดำเนินการให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค. ดังนั้น เมื่อ ก.พ.ค.มีมติให้เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งนายอำเภอ 41 คน ปลัด มท.จึงต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด เมื่อถามว่า ปลัดกระทรวงมหาดไทยมีสิทธิไม่ปฏิบัติตามมติ ก.พ.ค.หรือไม่

นายศราวุธกล่าวว่า มีสิทธิหรือไม่มีสิทธิขึ้นอยู่กับกฎหมาย ถ้าดูกฎหมายแล้วพบว่าไม่มีสิทธิ ก.พ.ค.วินิจฉัยอย่างไร ต้องปฏิบัติตามนั้น   ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผู้บังคับบัญชาไม่ปฏิบัติตามมติ ก.พ.ค. จะมีความผิดอย่างไร นาย
ศราวุธกล่าวว่า ตามกฎหมายไม่ได้ระบุโทษเอาไว้ แต่ผู้ร้องทุกข์สามารถใช้สิทธิฟ้องร้องได้ แต่ ก.พ.ค.ไม่ได้กำหนดว่าการเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวต้องแล้วเสร็จภายในกี่วัน เนื่องจากมีกระบวนการภายในของกระทรวงมหาดไทยที่ต้องสะสาง


สำหรับรายชื่อ นายอำเภอ ประเภทอำนวยการระดับสูง ประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ จำนวน 41 รายมีรายชื่อ ดังนี้

1.นายวุฒิชัย เสาวโกมุท ผู้อำนวยการกอง กองการเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง เป็น ผู้ตรวจราชการกรม กรมการปกครอง 2.นายวิวัฒน์ ฉันทนานุรักษ์ เจ้าพนักงานปกครอง ส่วนยุทธการและการข่าวสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดนกรมการปกครอง เป็น ผู้ตรวจราชการกรมกรมการปกครอง 3.นายไมตรี ไตรติลานันท์ เจ้าพนักงานปกครองส่วนรักษาความสงบเรียบร้อย 2 สำนักการสอบสวนและนิติการ เป็น ผู้อำนวยการสำนัก สำนักกิจการความมั่นคงภายในกรมการปกครอง 4.นายจักรพงษ์ เปี่ยมเมตตา นายอำเภอ(นอภ.)บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เป็น นอภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 5.นายชัยณรงค์ บุญวิวัฒนาการ นอภ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เป็น นอภ.พาน จ.เชียงราย

6.นายชัยวัฒน์ สารสมบัติ นอภ.เด่นชัย จ.แพร่ เป็น นอภ.วังทอง จ.พิษณุโลก 7.นายชาคร วัฒนสินธุ์ นอภ.บ้านหมอ จ.สระบุรี เป็น นอภ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี 8.นายฐานิต พรหมทอง นอภ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี เป็น นอภ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี 9.นายฐานุพงศ์ เจริญสุรภิรมย์ นอภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เป็น นอภ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย 10.นายดำรงชัย เนรมิตลกพงศ์ นอภ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เป็น นอภ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์

11.นายทวีชัย พลายชุมพล นอภ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี เป็น นอภ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี 12.นายนิพันธ์ ศิริธร นอภ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ เป็น นอภ.เมืองตรัง จ.ตรัง 13.นายบรรเจิด อนุเวช นอภ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง เป็น นอภ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง 14.นายบัณฑิต สงวนพวก นอภ.เซกา จ.หนองคาย เป็น นอภ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ 15.นายประจวบ แสงสุวรรณ นอภ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เป็น นอภ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี

16.นายประดิษฐ์ ยมานันท์ เจ้าพนักงานปกครองส่วนอำนวยความเป็นธรรมสำนักการสอบสวนและนิติการกรมการ ปกครอง เป็น นอภ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร 17.นายปิยิน ตลับนาค นอภ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น เป็น นอภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น 18.นายพินิจ เธียรธวัช นอภ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เป็น นอภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา 19.นายพิภพ บุญธรรม นอภ.สีชมพู จ.ขอนแก่น เป็น นอภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี 20.นายพิสุทธิ์ บุษยพรรณพงศ์ นอภ.ด่านซ้าย จ.เลย เป็น นอภ.เชียงคาน จ.เลย

21.นายไพศาล ตรีธัญญา นอภ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เป็น นอภ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี 22.นายภวัต เลิศมุกดา นอภ.คลองใหญ่ จ.ตราด เป็น นอภ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย 23.นายภาณุวัฒน์ เจนประเสริฐ นอภ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เป็น นอภ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 24.นายภาสกร บุญญลักษม์ นอภ.บางกรวย จ.นนทบุรี เป็น นอภ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี 25.นายมนตรี ชัยกาญจนกิจ นอภ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง เป็น นอภ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง

26.นายราชิต สุดพุ่ม นอภ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช เป็น นอภ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช 27.นายเลิศพรไชย ไชยฤทธิ์ นอภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เป็น นอภ.บึงกาฬ จ.หนองคาย 28.นายวัชเรนทร์ สืบสิทธิ์ นอภ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ เป็น นอภ.เมืองยโสธร จ.ยโสธร 29.นายวิรัต อสัมภินาวงศ์ นอภ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เป็น นอภ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี 30.นายวิโรจน์ ทัฬหะวาสน์ นอภ.สทิงพระ จ.สงขลา เป็น นอภ.ระโนด จ.สงขลา

31.นายศรัทธา คชพลายุกต์ นอภ.เสาไห้ จ.สระบุรี เป็น นอภ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี 32.นายศุภชัย โพชนุกูล นอภ.เขาพนม จ.กระบี่ เป็น นอภ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต 33.นายสมชาย บำรุงทรัพย์ นอภ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี เป็น นอภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 34.นายสมชาย อนะวัชกุล นอภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เป็น นอภ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง 35.นายสมบูรณ์ ศิริเวช นอภ.จอมบึง จ.ราชบุรี เป็น นอภ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี

36.นายสมพิศ หาญณรงค์ นอภ.นาหม่อม จ.สงขลา เป็น นอภ.เมืองสตูล จ.สตูล 37.นายสมหวัง รุ่งตระกูลชัย นอภ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เป็น นอภ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี 38.นายสันติ เหล่าบุญเสงี่ยม นักทรัพยากรบุคคลโรงเรียนข้าราชการฝ่ายปกครองวิทยาลัยการปกครอง กรมการปกครอง เป็น นอภ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี 39.นายสันติชัย คงเถลิงศิริวัฒนา นอภ.สังขะ จ.สุรินทร์ เป็น นอภ.ปราสาท จ.สุรินทร์ 40.นายสุรชัย วัฒนาอุดมชัย นอภ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น เป็น นอภ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม 41.นายอภิสรรค์ สง่าศรี นอภ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม เป็น นอภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ


รายงานข่าวจากกลุ่ม 41 นายอำเภอที่ได้รับแต่งตั้งตาม คำสั่งที่ 28/2553 ที่ ก.พ.ค.มีมติให้ กระทรวงมหาดไทยยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ระบุว่า ได้คุยในกลุ่มนายอำเภอที่ได้รับการแต่งตั้งพร้อมกัน และเห็นว่า หากยกเลิกคำสั่งจริง คงต้องฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้การคุ้มครอง เนื่องจากกฎของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นผู้กำหนดให้ในการสรรหาหรือคัดเลือกข้าราชการขึ้นสู่ตำแหน่งให้คำนึงถึง ลำดับอาวุโสเป็นสิ่งสุดท้าย และกำหนดให้ข้าราชการที่อยู่ในตำแหน่งครบ 1 ปี มีโอกาสได้รับการพิจารณาในการขึ้นสู่ตำแหน่งถัดไป ดังนั้น หาก ก.พ.ค.พิจารณาลำดับอาวุโสเป็นหลัก เท่ากับว่าปฏิบัติขัดต่อกฎ ก.พ. จึงจำเป็นที่จะต้องฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อความเป็นธรรมให้กับพวกตน

เปิด"คำวินิจฉัย" หลักเกณฑ์แต่งตั้ง"พิลึก" ! ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งนายอำเภอ

วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 15:30:15 น.  มติชนออนไลน์

เปิด"คำวินิจฉัย" หลักเกณฑ์แต่งตั้ง"พิลึก" ! ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งนายอำเภอ


คำวินิจฉัยของคณะ กรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ที่ให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งนายอำเภอ ประเภทอำนวยการระดับสูง ประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ตามคำสั่ง มท.ที่ 28/2553 ลงวันที่ 15 มกราคม 2553


ที่ ก.พ.ค.มีมติเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 นั้น

เอกสารทั้งหมด 57 หน้า โดยหน้าแรกได้บอกผู้ร้อง คือ นายประกาศิต มหาสิงห์ และคู่กรณีในการร้องทุกข์ คือ ปลัดกระทรวงมหาดไทย

ในรายละเอียด คณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ได้วินิจฉัย โดยมีเนื้อหาบางตอนที่น่าสนใจดังนี้

- คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการพลเรือนขึ้นดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยการ ระดับสูง กระทรวงมหาดไทย ได้มีมติเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2552 กำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญเลื่อนขึ้นดำรง ตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับสูง ของทุกกรมในกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ 2553 ประกอบด้วย

ก.องค์ประกอบด้านประวัติรับราชการ 50 คะแนน พิจารณาจาก วันเข้าตำแหน่งอำนวยการต้น 30 คะแนน อัตราเงินเดือนปัจจุบัน 10 คะแนน อายุราชการ 10 คะแนน

ข.องค์ประกอบด้านความรู้ ความสามารถ 50 คะแนน พิจารณาจาก การประเมินการปฏิบัติงานของผู้บังคับบัญชา 10 คะแนน ผลงานดีเด่น ย้อนหลัง 5 ปี 15 คะแนน ข้อเสนอเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ในตำแหน่งที่จะแต่งตั้ง 15 คะแนน และสัมภาษณ์ 10 คะแนน

ปรากฏว่ากรมการปกครอง กำหนดรายละประเมิน ดังนี้

0ประวัติการรับราชการ 50 คะแนน พิจารณาจาก

1.ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 30 คะแนน คำนวณช่วงคะแนน ดังนี้

1.1) 11 ปีขึ้นไป คิดเป็น 30 คะแนน ปรากฏว่ามีผู้ดำรงตำแหน่งนายอำเภอนานถึง 17 ปี (11-17 ปี มีช่วงห่าง 6 ปี)

1.2) 8-10 ปีกว่า แต่ไม่ถึง 11 ปี (ช่วงห่าง 3 ปี) คิดเป็น 29.5 คะแนน

1.3) 6-7 ปีกว่า แต่ไม่ถึง 9 ปี (ห่างกัน 2 ปี) คิดเป็น 29 คะแนน

1.4) 4 -5 ปีกว่า แต่ไม่ถึง 6 ปี (ห่างกัน 2 ปี) คิดเป็น 28.5 คะแนน

1.5) 1-3 ปีกว่า แต่ไม่ถึง 4 ปี (ห่างกัน 3 ปี) คิดเป็น 28 คะแนน

ก.พ.ค. เห็นว่า ระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งนายอำเภอหรืออำนวยการระดับต้น 30 คะแนนนี้มีช่วงห่างของคะแนนเพียง 2 คะแนนเท่านั้น ทั้งที่ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายอำเภอหรือผู้อำนวยการระดับต้นต่างกันมาก ถึง 17 ปี

2.อัตราเงินเดือน 10 คะแนน ให้น้ำหนักคะแนน ดังนี้

2.1) ขั้นที่ 23-24 คิดเป็น 10 คะแนน

2.2) ขั้นที่ 21.5-22.5 คิดเป็น 9.5 คะแนน

2.3) ขั้นที่ 20-21 คิดเป็น 9 คะแนน

2.4) ขั้นที่ 18.5-19.5 คิดเป็น 8.5 คะแนน

2.5) ขั้นที่ 17-18 คิดเป็น 8 คะแนน

2.6) ขั้นที่ 15.5-16.5 คิดเป็น 7.5 คะแนน

2.7) ขั้นที่ 14-15 คิดเป็น 7.0 คะแนน

2.8) ขั้นที่ 12.5-13.5 คิดเป็น 6.5 คะแนน

สำหรับในส่วนของอัตราเงินเดือนนี้ มีช่วงห่างของคะแนน 3.5 คะแนน

3.อายุราชการ 10 คะแนน แบ่งเป็น

3.1) 33 ปีขึ้นปี คิดเป็น 10 คะแนน

3.2) 28-32 ปีกว่าแต่ไม่ถึง 33 ปี คิดเป็น 9.5 คะแนน

3.3) 23-27 ปีกว่าแต่ไม่ถึง 28 ปี คิดเป็น 9 คะแนน

3.4) 17-21 ปีกว่าแต่ไม่ถึง 23 ปี คิดเป็น 8.5 คะแนน

สำหรับในส่วนอายุราชการนี้มีช่วงว่างของคะแนน 1.5 คะแนน

ก.พ.ค. วินิจฉัยว่า เกิดผลคะแนนที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ที่มีอายุราชการมากกว่า และเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้มีอายุราชการน้อยกว่าที่มีคะแนนประเมินเท่ากับผู้ ที่มีอายุราชการมากกว่า เพราะช่วงการให้คะแนนเรื่องอายุราชการผู้เข้ารับการประเมินมีช่วงแคบเพียง 8.5-10 คะแนน จึงไม่เหมาะสม ไม่เป็นธรรม มีลักษณะเอื้อประโยชน์ให้บุคคลบางราย เป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม

นอก จากนี้ ยังพบว่าน้ำหนักคะแนนจะอยู่ในส่วนของประวัติการรับราชการเพียง 1 ใน 3 แต่อยู่ในด้านความรู้ความสามารถมากถึง 2 ใน 3 เป็นการไม่ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ฝ่ายปกครองกำหนดไว้ล่วงหน้าคือ 50:50 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว ทำให้เกิดผลในทางที่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้เข้ารับการประเมินบางราย ที่มีประวัติการรับราชการที่อาวุโสน้อย อันเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมแก่ผู้ที่อาวุโสมาก

ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบผลคะแนนระหว่างประวัติการรับราชการ กับคะแนนความรู้ความสามารถทั้งสองส่วนแล้ว ทำให้เห็นได้ว่ามีค่าน้ำหนักในผลการประเมินไม่เท่ากัน ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการคัดเลือก นั่นคือ ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกส่วนใหญ่เป็นผู้มีอาวุโสน้อย (ตำแหน่งว่าง 46 ตำแหน่ง แต่มีผู้อาวุโสที่อยู่ใน 46 ลำดับแรกได้การคัดเลือกเพียง 5 คน)

ยกตัวอย่าง บุคคลที่ได้รับการคัดเลือกเป็นอันดับที่ 1 อาวุโสตามบัญชีกรมการปกครอง ได้จัดไว้เป็นลำดับที่ 81

บุคคลที่ได้รับการคัดเลือกเป็นอันดับที่ 2 มีอาวุโสตามบัญชีที่กรมการปกครองจัดทำไว้เป็นลำดับที่ 327

บุคคลที่ได้รับการคัดเลือกเป็นอันดับที่ 3 มีอาวุโสตามบัญชีกรมการปกครองจัดทำไว้เป็นลำดับที่ 329 เป็นต้น

สำหรับผู้ร้อง คือ นายประกาศิต มหาสิงห์ มีอาวุโสอยู่ในลำดับที่ 4 ได้รับคัดเลือกเป็นอันดับที่ 107

กรณี ดังกล่าวจึงไม่เป็นกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรม และเอื้อให้แก่ผู้เข้ารับการประเมินบางรายที่มีประวัติการรับราชการที่ อาวุโสน้อย

ต้องขอยืมคำพูด นายพงศ์โพยม วาศภูติ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยอีกที "เห็นบัญชีแต่งตั้งเช่นนี้ ไม่ต้องเอาสมองคิด แค่เอาเท้าคิด ก็รู้ว่าไม่เป็นธรรมแล้ว ทุเรศที่สุด"

เปิดบันทึกป.ป.ช.คดีทุจริตเข้าร.ร.นอภ.ระบุชัด"วงศ์ศักดิ์"อ้างผู้มีอำนาจใน มท.สั่งยัด150ชื่อให้สอบผ่าน

วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 10:00:59 น.  มติชนออนไลน์

เปิดบันทึกป.ป.ช.คดีทุจริตเข้าร.ร.นอภ.ระบุชัด"วงศ์ศักดิ์"อ้างผู้มีอำนาจใน มท.สั่งยัด150ชื่อให้สอบผ่าน

เปิดบันทึก ป.ป.ช.กล่าวหาอดีตอธิบดีปกครอง ร่วมมือกับ3"บิ๊กมท."ทุจริตคดีโรงเรียนนายอำเภอ ชี้พฤติกรรมผิดทั้งอาญา-วินัย ส่วน142ผู้สอบผ่านโดนด้วย ระบุชัด "วงศ์ศักดิ์"รับจัดการตามคำสั่งของผู้มีอำนาจทางการเมืองในมหาดไทย สร้างหลักฐานกระดาษคำตอบใหม่หลังข่าวแพร่สะพัด
-----------

ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง ชาติ(ป.ป.ช.)  มีมติเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมในคดีการทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ(นอ.) ปีงบประมาณ 2552 ว่า มีมูลเบื้องต้นโดยให้แจ้งข้อกล่าวหาทางวินัยและอาญาแก่ นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง นายวุฒิชัย เสาวโกมุท ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ นายครรชิต สลับแสง เลขานุการกรมการปกครอง และนายสำราญ ตันเรืองศรี ผู้อำนวยการส่วนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรมการปกครอง ซึ่งดำรงตำแหน่งในขณะนั้น รวมทั้ง แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้เข้าสอบคัดเลือกอบรมหลักสูตร นอ.ปีงบประมาณ 2552 จำนวน 3 รุ่น (รุ่น 68-70) จำนวน 142 คน ว่า มีความผิดวินัยและอาญา ในฐานะการกระทำการการอันได้ชื่อว่า เป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงและผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ให้ละเว้นการ ปฏิบัติหน้าที่

รายงานข่าวแจ้งว่า  ในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาของป.ป.ช.มีจุดที่น่าสนใจ 2 ช่วง คือ

ช่วงแรก เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2552 มีหนังสือจากนายวุฒิชัย เชิญประชุมคณะกรรมการคัดเลือกข้อสอบอัตนัยเข้า นอ. วันที่ 20 มีนาคม 2552 แต่นายวงศ์ศักดิ์ ติดราชการ และก่อนถึงวันประชุม นายวงศ์ศักดิ์ ได้เชิญนายวุฒิชัย เข้าไปที่ห้องทำงานแจ้งว่า ผู้มีอำนาจทางการเมืองในกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการผ่านมาทางนายครรชิต ว่าในการสอบคัดเลือกโรงเรียน นอ.ครั้งนี้ ผู้มีอำนาจดังกล่าวมอบรายชื่อผู้เข้าสอบจำนวนประมาณ 150 คน มาให้และแจ้งว่า บุคคคลเหล่านี้จะต้องสอบได้ นายวุฒิชัยจึงตกลงทำคำสั่ง โดยใช้วิชาความรู้ความสามารถทั่วไปมาเป็นข้อสอบ เพื่อสะดวกในการให้คะแนนช่วยเหลือทั้ง 150 คน

"นายวงศ์ศักดิ์ และนายวุฒิชัย ยังสนิทกับนายสำราญ ได้นัดแนะจะเลือกข้อสอบที่นายสำราญ เป็นผู้ออกในวิชาความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง เพื่อให้นายสำราญ ช่วยเหลือ 150 คนด้วย ต่อมาเมื่อถึงวันประชุม (20 มีนาคม) ทุกคนมาตามนัดยกเว้น นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร รองอธิบดีกรมการปกครองขณะนั้น แต่ปรากฎว่า เจ้าหน้าที่กองการเจ้าหน้าที่ได้จัดพิมพ์บัญชีผู้เข้าร่วมทั้งหมดให้ลงนาม ภายหลัง โดยระบุวันประชุมเป็นวันที่ 22 มีนาคม 2552 เพื่อให้ตรงกับคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ โดยได้นำไปให้นายนิรันดร์ ที่ไม่เข้าร่วมประชุมลงชื่อด้วย"บันทึกระบุ

ช่วงที่2 หลังจากมีการจัดสอบ โดยกระดาษคำตอบปรนัยได้ให้มหาวิทยาลัยสุขโทัยธรรมาธิราชไปตรวจ ส่วนกระดาษคำตอบอัตนัย มีกรรมการของกรมการปกครอง เป็นผู้ตรวจนั้น ปราก ฎว่านายวุฒิชัย ได้นำกระดาษคำตอบออกมาตรวจโดยนำรายชื่อ 150 ชื่อ ที่ได้รับมาจากนายวงศ์ศักดิ์ มาช่วยเหลือให้คะแนนสูงๆ ทั้งๆ ที่เขียนคำตอบไม่ดี แล้วมาจัดลำดับที่และรุ่นตามความต้องการของผู้มีอำนาจทางการเมืองและประกาศ รายชื่อให้ทราบ
ต่อมามีข่าวแพร่หลายว่า ผู้บริหารกรมการปกครอง เรียกรับเงินถึงรายละ 8 แสนบาทในหนังสือพิมพ์ และมีการเชิญทั้งนายวงศ์ศักดิ์ และนายวุฒิชัย มาชี้แจงกรรมาธิการ(กมธ.)ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร มีการซักถามเรื่องกระดาษคำตอบ ทั้งสองเกรงว่า จะมีการตรวจสอบกระดาษคำตอบในรายที่ให้ความช่วยเหลือ จึง ให้ประธานนักเรียนอำเภอรุ่น 68 ,69 และ 70 มาพบนายวงศ์ศักดิ์ และนายวุฒิชัย ที่ห้องทำงาน ในวันหยุดเสาร์หรืออาทิตย์ เพื่อนำกระดาษคำตอบเปล่าให้รายชื่อบุคคลที่ช่วยเหลือไปเขียนคำตอบใหม่ โดยให้ตัวอย่างการเขียนที่ทำให้คะแนนได้สูงประมาณ 3-4 ตัวอย่างให้คัดลอก

ปรากฎว่า พนักงานป.ป.ช.ได้จำแนกกลุ่มผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งมีลักษณะการเขียนคำตอบคล้ายกัน 3 กลุ่ม กลุ่มแรก 47 คน กลุ่มสอง 36 คน และกลุ่มสาม 24 ราย

ส่วนคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.) มีมติให้กระทรวงมหาดไทย ยกคำสั่งแต่งตั้งนายอำเภอ 41 ตำแหน่ง และแต่งตั้งใหม่ให้ถูกต้องตามขั้นตอนนั้น นายขวัญชัย วงศ์นิติกร รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายมานิต วัฒนเสน ขณะเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ทำหนังสือหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) แต่ขณะนี้ยังไม่มีหนังสืออย่างเป็นทางการจาก ก.พ.มายังกระทรวงมหาดไทย จึงไม่ทราบว่า ต้องมีวิธีปฏิบัติเช่นใด หากให้ยกเลิกแล้วจะให้ 41 นายอำเภอระดับ 9 ไปดำรงตำแหน่งที่ใด จำเป็นที่จะต้องเปิดตำแหน่งเฉพาะกิจทดแทนหรือไม่ และก่อนหน้านี้กลุ่ม 41 นายอำเภอ ได้หารือกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอให้อุทธรณ์คำสั่งของก.พ.ค. แต่ก.พ.ค.ระบุว่าคำสั่งเป็นที่สุดแล้ว จึงต้องรอดูความชัดเจนในเอกสารอย่างเป็นทางการจาก ก.พ.ก่อน หากจะต้องเปิดตำแหน่งเฉพาะกิจก็ต้องให้ทั้ง 41 คน ถอยออกมาแล้วเปิดสอบใหม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสอบใหม่แล้ว จะตั้งนายอำเภอทั้ง 41 คนนี้กลับเข้ามารับตำแหน่งอีกหรือไม่ นายขวัญชัย กล่าวว่า คงทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะจะถือว่า การคัดเลือกไม่ถูกต้องอีก เหมือนกับว่า มีการตั้งธงไว้ จึงจำเป็นต้องเปิดสอบใหม่ทั้งหมด ส่วนใครจะสอบได้หรือไม่ก็ว่ากันอีกที ทั้งนี้อาจจะต้องให้นักกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยร่วมพิจารณาเรื่องนี้ด้วย
 

เปิดบันทึก"ป.ป.ช."ตีแผ่ พฤติกรรมทุจริตสอบเข้าร.ร.นายอำเภอ 3บิ๊กมท.ส่อผิดอาญา-วินัย 142ผู้เข้าสอบเจอด้วย

วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 17:20:16 น.  มติชนออนไลน์

เปิดบันทึก"ป.ป.ช."ตีแผ่ พฤติกรรมทุจริตสอบเข้าร.ร.นายอำเภอ 3บิ๊กมท.ส่อผิดอาญา-วินัย 142ผู้เข้าสอบเจอด้วย (ตอนแรก)

 หมายเหตุ : คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง, นายวุฒิชัย เสาวโกมุท ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่, นายครรชิต สลับแสง เลขานุการกรมการปกครอง และนายสำราญ ตันเรืองศรี ผู้อำนวยการส่วนกำนันผู้ใหญ่บ้าน กรมการปกครอง ซึ่งเป็นตำแหน่งขณะนั้น รวม 4 คน มี ความผิดวินัยและอาญา รวมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้เข้าสอบคัดเลือกอบรมหลักสูตรนายอำเภอ ปีงบประมาณ 2552 จำนวน 142 คน ว่ามีความผิดวินัย ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่า เป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และทางอาญา พร้อมเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหา

บันทึกแจ้งข้อกล่าวหามีความยาว 12 หน้า ระบุพฤติกรรมแห่งคดี 2 ช่วง
ช่วงแรก มีการออกข้อสอบช่วยเหลือข้าราชการ 150 คนที่ได้รับรายชื่อมาจาก ผู้มีอำนาจทางการเมือง อีกทั้งยังช่วยให้คะแนนสูงทั้งๆ ที่เขียนคำตอบไม่ดี ก่อนนำมาจัดลำดับที่และรุ่นให้สอบได้
ช่วงที่สอง เมื่อเกิดกระแสข่าวเรียกรับเงิน รายละ 8 แสนบาท ผู้เกี่ยวข้องเกรงจะถูกตรวจสอบ จึงให้ประธานนักเรียนอำเภอนำกระดาษคำตอบเปล่าพร้อมรายชื่อ 150 คนไปเขียนคำตอบใหม่ย้อนหลัง

"มติชน" ขอนำพฤติกรรมในช่วงแรกมาเสนอเป็นตอนแรก จากนั้นจะนำเสนอช่วงสองในวันต่อไป

-----------------------------------------------------------------

บันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา

ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีคำสั่งที่ 179/2553 ลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2553 และที่ 328/2553 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2553 แต่งตั้งผู้รับผิดชอบสำนวนการไต่สวน และคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ช่วยในการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีตามคำร้องขอให้ถอดถอน นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกจากตำแหน่ง กรณีส่อว่า ทุจริตต่อหน้าที่และส่อว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ในการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาอบรมหลักสูตรนายอำเภอ (นอ.) ปี 2552 และกล่าวหาข้าราชการกรมการปกครอง (ปค.) อีกหลายคน มีส่วนร่วมกระทำความผิดดังกล่าว ทำให้ทางราชการได้รับความเสียหาย

บัดนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาเสร็จแล้ว เห็นว่า ข้อกล่าวหานั้นมีมูลความผิด

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552
ปค.ออกประกาศเรื่องการสอบคัดเลือกข้าราชการเข้าอบรมหลักสูตร นอ.ประจำปี 2552 จำนวน 3 รุ่น (รุ่น 68-70) สอบข้อเขียน วันที่ 22 มีนาคม 2552 ที่เมืองทองธานี แบ่งเป็น 2 ภาค ภาคเช้า ภาคความรู้ความสามารถทั่วไป มีข้อสอบปรนัย ซึ่งมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) เป็นผู้ออกข้อสอบและตรวจกระดาษคำตอบ และข้อสอบอัตนัย 1 ข้อ ซึ่ง ปค.เป็นผู้ออกข้อสอบ และตรวจกระดาษคำตอบ (ปกสีเหลือง) ภาคบ่าย ภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง มีข้อสอบปรนัย ซึ่ง มสธ.เป็นผู้ออก และตรวจกระดาษคำตอบ และข้อสอบอัตนัย 1 ข้อ ซึ่ง ปค.เป็นผู้ออกข้อสอบและตรวจกระดาษคำตอบ (ปกสีชมพู)

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552
ปค.มี คำสั่งที่ 135/2552 ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552 แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกข้าราชการ เพื่อเข้าศึกษาอบรมหลักสูตร นอ.ปี 2552 มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการคัดเลือกข้าราชการเข้าศึกษา ประกอบด้วย
1.นายสุรพล ภาษิตนิรันดร์ รองอธิบดี ปค. กลุ่มภารกิจด้านการบริหารงานปกครอง ประธาน
2.นายวุฒิชัย เสาวโกมุท ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ (ผอ.กกจ.)
3.นายสุรพล สุวรรณานนท์ หัวหน้ากลุ่มงานวินัย
4.หัวหน้ากลุ่มงานบรรจุและแต่งตั้ง
5.นายวีรเดช วิภูษาภรณ์ หัวหน้ากลุ่มงานวางแผนอัตรากำลังและพัฒนาระบบงาน เป็นกรรมการ

วันที่ 9 มีนาคม 2552 ปค.มีคำสั่งที่ 205/2552 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2552 แต่งตั้งคณะกรรมการออกข้อสอบอัตนัย มีนายวุฒิชัย เสาวโกมุท และนายครรชิต สลับแสง เลขานุการ ปค. รวมอยู่ด้วย และภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง ซึ่งมีนายสำราญ ตันเรืองศรี ผู้อำนวยการส่วนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นกรรมการรวมอยู่ด้วย โดยข้อสอบของผู้ใดได้รับการคัดเลือก ผู้นั้นจะเป็นผู้ตรวจข้อสอบอัตนัย

วันที่ 9 มีนาคม 2552
ปค.มีคำสั่งที่ 206/2552 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2552 แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกข้อสอบอัตนัย ประกอบด้วย
1.นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อปค. ประธาน
2.นายสุรพล ภาษิตนิรันดร์
3.นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร รอง อปค.
4.นายวุฒิชัย เสาวโกมุท ผอ.กกจ.
5.นายวีรเดช วิภูษาภรณ์ หัวหน้ากลุ่มงานวางแผนอัตรากำลังและพัฒนาระบบงาน เป็นกรรมการ

ปค.มีคำสั่งที่ 207/2552 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2552 แต่งตั้งคณะกรรมการเก็บรักษาโจทย์ข้อสอบอัตนัย ประกอบด้วย
1.นายวุฒิชัย เสาวโกมุท ผอ.กกจ. ประธาน
2.นายวีรเดช วิภูษาภรณ์ หัวหน้ากลุ่มงานวางแผนอัตรากำลังและพัฒนาระบบงาน
3.นายสุรพล สุวรรณานนท์ หัวหน้ากลุ่มงานวินัย
4.นายอรรถพันธ์ สงวนเสริมศรี นักทรัพยากรบุคคล เป็นกรรมการ

วันที่ 13 มีนาคม 2552
ปค.ได้ประกาศรายชื่อ ผู้มีสิทธิสอบจำนวน 1,642 คน

วันที่ 17 มีนาคม 2552
มีข่าวแพร่หลายออกไปว่า ผู้บริหาร ปค.เรียกรับเงิน 800,000 บาท เพื่อช่วยเหลือให้สอบคัดเลือกได้ ปค. โดยนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ จึงมีหนังสือถึงทุกหน่วยงาน รายงานพฤติการณ์ทุจริตที่พบเห็นไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

วันที่ 18 มีนาคม 2552 มีหนังสือจาก นายวุฒิชัย เสาวโกมุท เชิญประชุมคณะกรรมการคัดเลือกข้อสอบอัตนัย นัดหมายประชุม

วันที่ 20 มีนาคม 2552
เวลา 17.00 น. ที่ห้องปฏิบัติการ อปค. เนื่องจากในวันที่ 22 มีนาคม 2552 นายวงศ์ศักดิ์ติดราชการอื่นต้องเดินทางไปต่างจังหวัด

ก่อนถึงวันประชุม (ระหว่างวันที่ 16-20 มีนาคม 2552 เวลากลางวัน) นายวงศ์ศักดิ์ไปเชิญนายวุฒิชัยเข้าไปพบที่ห้องทำงาน อปค.และแจ้งว่า "ผู้มีอำนาจทางการเมือง" ในกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการผ่านมาทางนายครรชิต สลับแสง เลขานุการกรม ว่า ในการสอบคัดเลือก นอ.ครั้งนี้ ผู้มีอำนาจดังกล่าวได้มอบ รายชื่อผู้เข้าสอบประมาณ 150 คน มาให้ และแจ้งว่าบุคคลเหล่านี้จะต้องสอบได้ ซึ่งหมายความว่าจะให้นายวุฒิชัยหาทางช่วยเหลือให้สอบได้ นายวุฒิชัยจึงตกลงทำตามคำสั่ง โดย หารือกันว่าในการคัดเลือกข้อสอบจะให้นำข้อสอบที่นายวุฒิชัยออกในวิชาความรู้ ความสามารถทั่วไปมาเป็นข้อสอบเพื่อสะดวกกับการให้คะแนนช่วยเหลือบุคคลตามราย ชื่อทั้ง 150 คนได้

นอกจากนี้ นายวงศ์ศักดิ์และนายวุฒิชัย ยังรู้จักและสนิทกับ นายสำราญ ตันเรืองศรี ผู้อำนวยการส่วนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้โดยนัดแนะกันจะเลือกข้อสอบ ที่นายสำราญเป็นผู้ออกในวิชาความรู้ความสามารถ ที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง เพื่อให้นายสำราญช่วยเหลือ ในการให้คะแนนกับบุคคลตามระบุชื่อดังกล่าวได้

วันที่ 20 มีนาคม 2552 เวลา 17.00 น. มีการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกข้อสอบตามนัดหมาย ณ ห้องทำงานของนายวงศ์ศักดิ์ มีผู้เข้าร่วมประชุมคือ นายวงศ์ศักดิ์ นายสุรพล ภาษิตนิรันดร์ นายวุฒิชัย เสาวโกมุท และนายวีรเดช วิภูษาภรณ์ ทั้งนี้ นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร รอง อปค.ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย เนื่องจากติดราชการอื่น ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมแล้วได้มีเจ้าหน้าที่กองการเจ้าหน้าที่จัดพิมพ์บัญชีลงชื่อ ผู้เข้าร่วมประชุมทั้ง 5 คนไปให้บุคคลทั้ง 5 คนลงนามในภายหลังโดยระบุวันประชุมเป็นวันที่ 22 มีนาคม 2552 เพื่อให้ตรงกับคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ โดยได้นำไปให้นายนิรันดร์ลงชื่อด้วย

ที่ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกข้อสอบได้ตกลงเลือกข้อสอบที่นายวุฒิชัย และนายสำราญเป็นผู้ออกข้อสอบ เป็นไปตามที่นายวงศ์ศักดิ์และนายวุฒิชัยตกลงกันล่วงหน้า โดยมีการปรับเปลี่ยนคำตอบของนายสำราญเล็กน้อย แต่ยังคงมีเค้าโครงเดิมอยู่ และเก็บรักษาข้อสอบและคำตอบดังกล่าวทั้ง 2 ข้อไว้ในกล่องเก็บรักษาในความครอบครองของนายวีรเดช ทั้งนี้ กุญแจกล่องดังกล่าวมีนายวุฒิชัยและนายวีรเดชเป็นผู้ถือ

วันที่ 22 มีนาคม 2552
มี การนำข้อสอบทั้ง 2 ข้อมาพิมพ์และให้ผู้เข้าสอบทำ โดยข้อสอบอัตนัยภาควิชาความรู้ความสามารถทั่วไปใช้สมุดกระดาษคำตอบปกสี เหลือง ภาควิชาความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่งใช้สมุดกระดาษคำตอบปกสีชมพู มีข้อสอบ 2 วิชา คือ วิชาความรู้ความสามารถทั่วไป และวิชาความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง

เมื่อสอบเสร็จ กระดาษคำตอบปรนัย มสธ.เป็นผู้นำไปตรวจด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วส่งผลการตรวจให้ ปค.ในวันที่ 23 มีนาคม 2552 โดยไม่ปรากฏพฤติการณ์ทุจริตในการตรวจข้อสอบปรนัยแต่อย่างใด

สำหรับกระดาษคำตอบอัตนัย ได้ถูกบรรจุแบ่งออกเป็น 2 กล่อง เป็นสมุดคำตอบปกสีเหลือง 1 กล่อง และสมุดคำตอบปกสีชมพู 1 กล่อง เจ้าหน้าที่กองการเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำไปเก็บไว้ในห้องทำงานของ นายวุฒิชัย เสาวโกมุท และปิดล็อคไว้ มีเพียง นายวุฒิชัย และเจ้าหน้าที่หน้าห้องอีก 2 คน ได้แก่ น.ส.สรัญญา ใจงาม และนายดุสิต ศิริวราศัย เท่านั้นที่มีกุญแจเปิดได้

วันที่ 23 มีนาคม 2552-24 มีนาคม 2552
นายอรรถพันธ์ สงวนเสริมศรี นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการ กกจ. และเจ้าหน้าที่ กกจ.อีก 7 คนช่วยกัน นำกระดาษคำตอบทั้ง 2 กล่อง มาลบข้อความ หรือเครื่องหมายที่พิสูจน์ตัวบุคคลเพื่อให้ผู้ตรวจไม่สามารถรู้ได้ว่า กำลังตรวจกระดาษคำตอบของผู้ใด โดยใช้วิธีตีหมายเลขรหัสไว้กับปกสมุด 2 ตำแหน่ง ตำแหน่งแรกอยู่กลางปก ตำแหน่งที่สองอยู่หัวมุมขวาด้านบน ซึ่งจะมีหมายเลขประจำตัวสอบของผู้เข้าสอบอยู่ จากนั้น จะตัดหัวมุมด้านบนออก แล้วนำมาเก็บแยกต่างหาก โดยนายอรรถพันธ์จะเป็นผู้เก็บรักษารหัสไว้เพียงคนเดียว โดยทำงานเสร็จสิ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2552 เวลาประมาณ 16.30 น.

หลังจากนั้นได้เก็บสมุดกระดาษคำตอบทั้ง 2 กล่องกลับเข้าไปยังห้องทำงานของนายวุฒิชัย จากนั้นนายอรรถพันธ์ได้นำรหัสที่ตนเก็บรักษาไว้ใส่ข้อมูลลงในไฟล์ คอมพิวเตอร์ ซึ่งในไฟล์ดังกล่าวเมื่อเปิดดูจะสามารถรู้ได้ว่าผู้เข้าสอบชื่อใด สังกัดใด หมายเลขประจำตัวสอบใด และรหัสสมุดคำตอบเลขที่ใด

วันที่ 25 มีนาคม 2552
เวลา กลางวัน นายวุฒิชัยได้เรียกนายอรรถพันธ์เข้าไปพบในห้องทำงานของตน และขอไฟล์รหัสดังกล่าวนายอรรถพันธ์จึงมอบไฟล์ข้อมูลดังกล่าวให้ไปโดยพิมพ์ เป็นกระดาษ เอ 4 ทั้งนี้ นายอรรถพันธ์ไม่เคยทราบมาก่อนว่านายวุฒิชัย เป็นกรรมการตรวจข้อสอบด้วย และต่อมานายอรรถพันธ์ได้เล่าเรื่องดังกล่าวให้นายวีรเดช วิภูษาภรณ์ หัวหน้าส่วนให้ทราบ แต่นายวีรเดชก็มิได้ทักท้วงแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่ทราบว่านายวุฒิชัยเป็นกรรมการตรวจข้อสอบอัตนัยด้วย

วันที่ 25 มีนาคม-31 มีนาคม 2552 นาย วุฒิชัยได้นำกระดาษคำตอบทั้งปกสีเหลืองและปกสีชมพูออกมาตรวจโดยนำรายชื่อที่ ได้รับมาจากนายวงศ์ศักดิ์ประมาณ 150 คน มาช่วยเหลือให้คะแนนสูง ทั้งๆ ที่เขียนคำตอบได้ไม่ดีหรือเขียนจำนวนน้อยแผ่น แต่ในกรณีของบุคคลอื่นๆ ที่นอกเหนือรายชื่อที่ได้รับมา หากเขียนคำตอบได้ดีมาก นายวุฒิชัยก็จะให้คะแนนมากด้วย แต่คนที่เขียนได้ดีนั้นมีจำนวนน้อย เป็นผลให้รายชื่อที่ได้รับมาเมื่อนำคะแนนที่ให้ไปรวมกับข้อสอบปรนัยแล้ว เป็นผู้ผ่านเกณฑ์ได้รับการคัดเลือก อย่างไรก็ตาม เมื่อนำรายชื่อดังกล่าวมาเรียงลำดับที่และลำดับรุ่นแล้วยังไม่เป็นไปตามความ ประสงค์ของผู้สั่งการ นายวุฒิชัยจึงประสานงานกับนายครรชิต สลับแสง เลขานุการ ปค. เพื่อจัดลำดับว่ารายชื่อใดควรอยู่ในลำดับที่และรุ่นใด ซึ่งท้ายสุดก็ได้ลำดับที่และรุ่นที่ตามความต้องการของผู้มีอำนาจทางการเมือง ในกระทรวงมหาดไทย

วันที่ 30 หรือ 31 มีนาคม 2552
เวลากลางวัน นายวุฒิชัยได้เชิญ นาย สำราญ ตันเรืองศรี มาพบที่ห้องทำงานของนายวุฒิชัย จากนั้นได้นำคะแนนที่ตนจัดทำขึ้นทั้งกระดาษคำตอบปกสีเหลืองและปกสีชมพู ส่งให้กับนายดุสิต ศิริวราศัย เลขานุการของนายวุฒิชัย เป็นผู้เขียนตัวเลข ในแบบฟอร์มลงคะแนนวิชาความรู้ความสามารถทั่วไป และวิชาความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง วิชาละ 31 หน้า จากนั้นนายวุฒิชัยได้ลงนามรับรองคะแนนในแบบฟอร์มวิชาความรู้ความสามารถทั่ว ไป ส่วนนายสำราญลงนามรับรองคะแนนในแบบฟอร์มวิชาความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง โดยไม่เคยนำกระดาษคำตอบปกสีชมพูไปให้นายสำราญตรวจแต่ประการใด
จากนั้นได้นำแบบฟอร์มคะแนนทั้ง 2 วิชาไปให้กับนายวีรเดช และนายอรรถพันธ์ ซึ่งเป็นผู้รวมคะแนนที่ได้รับจาก มสธ. และจาก ปค. ทั้งนี้ คะแนนที่ผู้เข้าสอบทำได้นั้นปรากฏว่าคะแนนจาก มสธ.ของผู้สอบมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ทำให้คะแนนจาก ปค.มีผลเป็นนัยสำคัญที่จะตัดสินว่าผู้ใดจะได้รับคัดเลือกเข้าอบรมครั้งนี้ ซึ่งเมื่อนำใบคะแนนส่วนของ ปค.ไปรวมแล้วเป็นผลให้ผู้ที่มีรายชื่อ 150 คน เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกเข้าอบรม นอ.สายผู้สอบคัดเลือก ตรงตามใบสั่งทุกราย

วันที่ 2 เมษายน 2552 ปค.ได้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสอบข้อเขียน โดยมีรายชื่อผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือดังกล่าว เป็นผู้ผ่านการสอบด้วย

วันที่ 21 เมษายน 2552 ผู้ผ่านการสอบข้อเขียนเข้าสอบสัมภาษณ์ เพื่อจัดอันดับคะแนนในระหว่างรุ่น 68-70

วันที่ 23 เมษายน 2552 ปค.ประกาศ ผลการคัดเลือกข้าราชการเข้ารับการอบรม นอ.ทั้ง 3 รุ่น คือ รุ่นที่ 68-70 โดยจัดเรียงลำดับสายสอบคัดเลือก 2 คน ต่อด้วยสายประสบการณ์ 1 คน ต่อด้วยสายสอบคัดเลือก 2 คน ฯลฯ จนครบตามจำนวน 288 คน และนัดหมายให้รายงานตัวในวันที่ 26 เมษายน 2552 ณ วิทยาลัยการปกครอง ส่วนสายผู้มีประสบการณ์นัดมารายงานตัววันที่ 21 เมษายน 2552
วันที่ 21 เมษายน 2552 มีผู้ผ่านการคัดเลือกสายผู้มีประสบการณ์ 2 คน ไม่มารายงานตัว ดังนั้น ในวันที่ 23 เมษายน 2552 ปค.จึงมีประกาศผลการคัดเลือกข้าราชการเข้ารับการอบรมเพิ่มเติม โดยเลื่อนลำดับผู้มีประสบการณ์ในลำดับถัดมา ได้แก่ นายอดิศักดิ์ ปัญญา และนายชนรัตน์ ชูประสิทธิ์ เป็นผู้ผ่านการคัดเลือกด้วย

วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 12:30:21 น.  มติชนออนไลน์ 


เปิดบันทึก"ป.ป.ช."ตีแผ่ พฤติกรรมทุจริตสอบเข้าร.ร.นายอำเภอ 3บิ๊กมท.ส่อผิดอาญา-วินัย 142ผู้เข้าสอบเจอด้วย (ตอนจบ)


หมายเหตุ - สรุปจากบันทึกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งข้อกล่าวหาแก่นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง นายวุฒิชัย เสาวโกมุท ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ นายครรชิต สลับแสง เลขานุการกรมการปกครอง และนายสำราญ ตันเรืองศรี ผู้อำนวยการส่วนกำนันผู้ใหญ่บ้าน กรมการปกครอง รวมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาผู้เข้าสอบคัดเลือกอบรมหลักสูตรนายอำเภอ ปีงบประมาณ 2552 รุ่น 68-70 จำนวน 142 คน อย่างไรก็ดี ทั้งหมดยังไม่ถือว่ามีความผิดทางวินัยและอาญา จนกว่า ป.ป.ช.ชุดใหญ่จะชี้มูลความผิดวินัย และศาลจะตัดสินเป็นที่สุด

สำหรับ บันทึกมีความยาว 12 หน้า ระบุพฤติกรรมแห่งคดี 2 ช่วง "มติชน" นำเสนอช่วงแรกไปแล้ว เป็นพฤติกรรมการออกข้อสอบช่วยเหลือข้าราชการ 150 คน ที่ได้รับรายชื่อมาจากผู้มีอำนาจทางการเมือง อีกทั้งยังช่วยให้คะแนนสูงทั้งๆ ที่เขียนคำตอบไม่ดี ก่อนนำมาจัดลำดับที่และรุ่นให้สอบได้ ฉบับนี้จะนำเสนอช่วงที่สอง หลังเกิดกระแสข่าวเรียกรับเงินรายละ 8 แสนบาท ผู้เกี่ยวข้องเกรงจะถูกตรวจสอบ จึงให้ประธานทั้ง 3 รุ่น นำกระดาษเปล่าพร้อมแนวคำตอบไปให้ 150 คน เขียนคำตอบใหม่ย้อนหลัง


ใน ช่วงเดือนมีนาคม 2552 มีข่าวแพร่หลายว่าผู้บริหารกรมการปกครอง (ปค.) เรียกรับเงินถึง 8 แสนบาท/ราย เพื่อช่วยเหลือผู้เข้าสอบคัดเลือกให้สอบได้โดยลงข่าวในหนังสือพิมพ์ "มติชน" ในวันที่ 25 มีนาคม 2552 และข่าวดังกล่าวได้ส่งถึงคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติ มิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2552

คณะกรรมาธิการฯจึงมีหนังสือลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2552 ถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เชิญนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิพาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง (อปค.) ไปชี้แจงในวันที่ 28 พฤษภาคม 2552 ซึ่งนายวงศ์ศักดิ์และนายวุฒิชัย เสาวโกมุท ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ (ผอ.กกจ.) ปค.ได้เข้าชี้แจงตามกำหนดนัด และในระหว่างการชี้แจงมีคำถามว่าผู้ตรวจข้อสอบอัตนัยให้คะแนนไปโดยไม่มีการ ตรวจกระดาษคำตอบ หรือเขียนคำตอบน้อย หรือไม่เขียนกลับได้คะแนนดี ซึ่งทำให้นายวงศ์ศักดิ์และนายวุฒิชัย เกรงว่าจะมีการตรวจสอบกระดาษคำตอบในรายที่ตนให้ความช่วยเหลือ

เมื่อ กลับจากการชี้แจงแล้ว นายวงศ์ศักดิ์และนายวุฒิชัย จึงหารือกันที่ห้องทำงานของนายวงศ์ศักดิ์ ณ กรมการปกครอง และมีข้อตกลงที่จะปกปิดความผิด โดยจะดำเนินการปลอมกระดาษคำตอบเนื้อในซึ่งเป็นกระดาษสีขาว ทั้งในเล่มปกสีเหลืองและปกสีชมพู โดยจะนำกระดาษคำตอบเปล่าที่ยังไม่ได้ใช้ที่เก็บไว้ในห้องทำงานของนายวีรเดช วิภูษาภรณ์ หัวหน้ากลุ่มงานวางแผนอัตรากำลังและพัฒนาระบบงาน ออกมาจำนวนหนึ่งตามจำนวนรายชื่อที่ช่วยเหลือไว้ พร้อมทั้งตรวจดูคำตอบของผู้ได้รับการช่วยเหลือไว้ว่า เขียนข้อความคำตอบของผู้ได้รับการช่วยเหลือไว้ว่า เขียนข้อความคำตอบได้สมควรกับคะแนนที่ให้ไปหรือไม่ หากรายใดได้คะแนนไม่สมควรก็ให้ดำเนินการปลอมเอกสารต่อไป โดยนำกระดาษคำตอบที่เหลือใช้ไปดำเนินการ

และให้นายคิม ปรีเปรม เลขานุการของนายวงศ์ศักดิ์ ซึ่งเป็นประธานรุ่นที่ 68 ไปติดต่อให้ตัวแทนรุ่น 3 รุ่น ได้แก่ นายคิม ปรีเปรม รุ่นที่ 68 นายธีรเกียรติ ทะแพงพันธ์ รุ่นที่ 69 นายวิสุทธิ์ โรมินทร์ รุ่นที่ 70 และนายวัฒนา หัสจันทร์ รุ่นที่ 69 มาพบนายวงศ์ศักดิ์และนายวุฒิชัย ที่ห้องทำงานของนายวงศ์ศักดิ์ ในวันหยุดประจำสัปดาห์ในวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์เพื่อนำกระดาษคำตอบเปล่าไปให้รายชื่อบุคคลที่ช่วยเหลือไว้ไป เขียนคำตอบใหม่ โดยให้ตัวอย่างการเขียนที่ทำให้คะแนนได้สูงไปประมาณ 3-4 ตัวอย่าง ให้แต่ละคนไปคัดลอกให้คล้ายตัวอย่างดังกล่าว แล้วนำกลับมามอบให้นายวุฒิชัย ซึ่งตัวแทนทั้ง 3 รุ่น ก็ได้เดินทางมาพบและรับไปดำเนินการตามคำสั่งของนายวงศ์ศักดิ์ดังกล่าว

หลัง จากนั้นตัวแทนรุ่นได้นำกระดาษคำตอบเปล่าไปให้ผู้เข้าสอบที่มีรายชื่อรวม 142 คน (รายชื่อปรากฏตามเอกสารแนบ) ดำเนินการเขียนข้อความดังกล่าวเพื่อนำมาใช้สอดแทรกแทนเนื้อในกระดาษคำตอบ เดิมทั้งสมุดปกสีเหลืองและปกสีชมพู เมื่อดำเนินแล้วเสร็จตัวแทนรุ่นก็ได้นำกระดาษคำตอบมาส่งให้กับนายวุฒิชัย ซึ่งนายวุฒิชัยก็ดำเนินการปลอมเอกสารกระดาษคำตอบโดยวิธีแกะเนื้อกระดาษคำตอบ สีขาวที่อยู่ด้านในของชุดเดิมซึ่งเก็บอยู่ในห้องทำงานของนายวุฒิชัยออก คงเหลือแต่ปกสมุดทั้ง 2 สีไว้ (เนื่องจากปกสมุดมีลายมือชื่อผู้คุมห้องสอบและเลขรหัสกำกับอยู่ ยากต่อการปลอมขึ้นใหม่) จากนั้นได้นำกระดาษคำตอบที่ทำขึ้นใหม่ที่รับจากตัวแทนรุ่น แกะเนื้อกระดาษคำตอบสีขาวที่เขียนขึ้นใหม่ออกมาแล้วสวมเข้ารวมไปกับปกสมุดคำ ตอบเดิม ทั้งนี้ ร่องรอยการปลอมนั้นสามารถเปิดสมุดคำตอบในหน้าที่ 4 ถึง 5 ออกมาดูจะปรากฏว่ามีร่องรอยรูตรงจุดรอยเย็บกระดาษเก่าค้างอยู่ มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

วันที่ 12 และ 15 มิถุนายน 2552 เจ้าพนักงาน ป.ป.ช. ได้เดินทางไปขอรับกระดาษคำตอบอัตนัยทั้งสมุดจากกองการเจ้าหน้าที่ และได้นำกระดาษคำตอบมาเก็บรักษาไว้

เจ้าพนักงาน ป.ป.ช.ได้จำแนกกลุ่มผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งมีลักษณะการเขียนคำตอบคล้ายกันออกเป็น 3 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1 จำนวน 47 ราย

กลุ่มที่ 2 จำนวน 36 ราย

กลุ่มที่ 3 จำนวน 24 ราย

ทั้ง นี้ ผลการจำแนกกลุ่มดังกล่าวสอดคล้องกับผลการไต่สวนข้างต้นที่ว่ามีการมอบ ตัวอย่างประมาณ 3-4 แบบ ให้ตัวแทนรุ่นที่ 68, 69 และ 70 นำไปให้ผู้ได้รับการช่วยเหลือและเป็นผู้เข้าสอบ 142 รายเขียนขึ้นใหม่

เจ้า พนักงาน ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบสมุดคำตอบที่เหลือใช้จากการสอบของกองการเจ้าหน้าที่แล้วผล การตรวจสอบได้ความว่า โดยปกติจะต้องเหลือสมุดคำตอบภาคเช้าปกสีเหลือง 510 เล่ม และภาคบ่ายปกสีชมพู 513 เล่ม แต่กลับเหลือจริงเพียง ภาคเช้าสีเหลือง 299 เล่ม และภาคบ่ายสีชมพู 342 เล่ม ดังนั้น จึงเชื่อได้ว่าสมุดคำตอบที่สูญหายไปได้ถูกนำไปใช้กระทำความผิดตามที่กล่าวมา ข้างต้น

สำนักงาน ป.ป.ช.ได้มีหนังสือ ที่ ปช 0014/6676 ลงวันที่ 9 กันยายน 2552 ถึงอธิการวิทยาลัยการปกครอง เพื่อให้อำนวยความสะดวก โดยนัดหมายให้เจ้าพนักงาน ป.ป.ช.พบกับผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นนักศึกษาหลักสูตรนายอำเภอทั้ง 142 คน ในวันที่ 9 กันยายน 2552 และดำเนินการให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 142 คน เขียนข้อความเลียนข้อความในกระดาษคำตอบของกลาง ผลปรากฏว่า ลายมือเขียนเหมือนกันและผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 142 คน ยืนยันรับรองว่าตนเป็นผู้เขียนข้อความในกระดาษคำตอบของกลางด้วยตนเอง



คณะ กรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของนายวงศ์ศักดิ์ นายวุฒิชัย นายครรชิต สลับแสง เลขานุการกรมและนายสำราญ ตันเรืองศรี ผู้อำนวยการส่วนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านฯ มีความผิด ดังนี้

ทางวินัย

ฐาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551

ทางอาญา

ฐาน เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารกรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษา เอกสารกระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้นฐานเป็นเจ้า พนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสารกระทำการดังต่อไปนี้ในการปฏิบัติการตาม หน้าที่รับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความ เท็จรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอัน เป็นความเท็จประมวลกฎหมายอาญา

ผู้เข้าสอบคัดเลือกอบรมหลักสูตรนายอำเภอ ปีงบประมาณ จำนวน 142 คน มีมูลความผิดดังนี้

ทางวินัย

ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551

ทางอาญา

ฐาน เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสารกระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาส ที่ตนมีหน้าที่นั้น ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสารกระทำการดังต่อไปนี้ ในการปฏิบัติการตามหน้าที่รับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความ เท็จรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอัน เป็นความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา

คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงขอแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวให้ท่านทราบเพื่อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อไป

องค์ คณะการไต่สวนและคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ช่วยในการไต่สวนข้อเท็จจริง ได้แจ้งให้ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาทราบ ในการแจ้งข้อกล่าวหาครั้งนี้ด้วยว่า ในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหาอาจชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาโดยทำเป็นหนังสือชี้แจงด้วยวาจาก็ได้ และผู้ถูกกล่าวหามีสิทธินำทนายความหรือบุคคลที่ผู้ถูกกล่าวหาไว้วางใจเข้า ฟังการชี้แจงหรือให้ปากคำของตนได้ แต่จะทำการชี้แจงแทนไม่ได้ การนำสืบแก้ข้อกล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหาจะนำพยานหลักฐานมาเอง หรือจะอ้างพยานหลักฐานแล้ว ขอให้พนักงานไต่สวนเรียกพยานหลักฐานมาก็ได้ โดยถ้อยคำหรือคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาดังกล่าวอาจใช้เป็นพยานหลักฐานยันผู้ ถูกกล่าวหาในการพิจารณาได้ ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิที่จะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาและนำสืบแก้ข้อกล่าวหาภายใน เวลาอันสมควรแต่อย่างช้าไม่เกิน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับทราบข้อกล่าวหา



ข้อสอบที่โดนจับพิรุธ

คำถาม 2 ข้อในข้อสอบอัตนัยที่มีการให้ข้าราชการ 142 คน เขียนคำตอบใหม่แล้วนำไปแทรกแทนเนื้อในกระดาษคำตอบเดิม จน ป.ป.ช.จับพิรุธได้

@ วิชาความรู้ความสามารถทั่วไป

ถาม ว่า อำเภอซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการที่จะ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข" ให้แก่ประชาชนทั้งด้านสังคมเศรษฐกิจ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หากท่านเป็นนายอำเภอท่านจะนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นเครื่องมือในการ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข" แก่ประชาชนในทุกๆ ด้านให้มีความมั่นคงและยั่งยืนได้อย่างไร อธิบาย

@ วิชาความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง

ถาม ว่า นายอำเภอในฐานะหัวหน้าส่วนราชการ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการประจำอำเภอทุกส่วนราชการเป็นผู้ช่วยในงานเฉพาะด้าน และยังมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือในภารกิจของนายอำเภอ ถ้าท่านเป็นนายอำเภอ ท่านมีหลักในการปฏิบัติงานกับ (ก) หัวหน้าส่วนราชการ (ข) กำนัน ผู้ใหญ่บ้านอย่างไร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด อธิบาย