วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

ชาวลาว เข้าคูหาใช้สิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติ

 ลาวถือเป็นหนึ่งในประเทศคอมมิวนิสต์ที่เหลืออยู่ในโลก เพียงไม่กี่แห่ง ซึ่งจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติในวันนี้ (30 เม.ย.) แต่ดูเหมือนว่าการเลือกตั้งจะเป็นแค่เพียงการรักษาสถานะดังที่เป็นอยู่เดิม เพราะในภาพความจริงแล้วผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ยังคงเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อพรรคการเมืองที่ปกครองประเทศมานานกว่า 36 ปี



ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายที่แท้จริงได้รับการเลือกตั้งไปแล้วเมื่อเดือน มีนาคมที่ผ่านมา เมื่อพรรคประชาชนลาวเพื่อการปฏิวัติ ได้จัดการประชุมใหญ่ครั้งที่ 9 โดยเลือกนายจูมมะลี ไซยะสอน ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งมีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ติดต่อกันเป็นสมัยที่ 2

การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะเลือกผู้แทนจำนวน 132 คนจากที่ลงสมัคร 190 คนเข้าไปในสภาแห่งชาติ ซึ่งมีสมาชิกเพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว 17 คน  ชาวลาวที่มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งมีประมาณ 3 ล้านคนจากประชากรทั้งประเทศ 6 ล้านคน คาดว่าจะทราบผลการเลือกตั้งหลังปิดหีบอย่างน้อยประมาณ 1 สัปดาห์

ขณะที่ผู้ที่ลงสมัครส่วนใหญ่เป็นสมาชิกพรรคประชาชนลาวเพื่อการปฏิวัติ ซึ่งปกครองประเทศเพียงพรรคเดียวมานับตั้งแต่ปี 1975 ผลก็คือ ทางเลือกของประชาชนก็พิจารณาแค่เพียงบุคลิกภาพของผู้สมัครมากกว่าแนวคิดหรือ นโยบายทางการเมือง ทั้งนี้เพื่อนำเอาคนหนุ่มสาวยุคใหม่มาทดแทนคนรุ่นเก่าที่ค่อยๆล้มหายตายจาก


นายจูมมะลี ไซยะสอน

นักการทูตต่างประเทศในกรุงเวียงจันทน์กล่าวว่า สภาแห่งชาติได้พัฒนาขึ้นจากการเป็นสภาตรายางอย่างแท้จริง เข้าสู่การเป็นสถาบันที่มีความเป็นตัวของตัวเองในการวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน ของรัฐบาลและการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายบางมาตรา แต่นักวิเคราะห์การเมืองลาวมีความเห็นว่า อำนาจที่แท้จริงยังอยู่ในมือของกรมการเมืองและกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ที่ได้รับเลือกในการประชุมใหญ่ของพรรคซึ่งจัดขึ้นทุก 5 ปีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ลาวเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล และเต็มไปด้วยพื้นที่ภูเขา ประชาชนราว 6.5 ล้านคน ส่วนใหญ่ยังคงมีฐานะยากจน ขณะที่ผู้นำประเทศถือเป็นหนึ่งในผู้นำที่มักไม่ค่อยเปิดเผยตัวมากนัก และแทบไม่ต้องเผชิญหน้ากับนักการเมืองฝ่ายค้าน และยังคงควบคุมการนำเสนอข่าวอย่างเข้มงวด

ขณะที่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นที่น่าพอใจ โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ลาวได้เปิดตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรกในกรุงเวียงจันทน์ เพื่อหวังดึงดูดเงินทุนจากต่างชาติและกระตุ้นเศรษฐกิจของหนึ่งในประเทศที่ ยากจนที่สุดในเอเชีย

นายไซมอน ครีก นักประวัติศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับลาวและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต แสดงความเห็นว่า  การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องนี่เอง ที่ทำให้รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคประชาชนลาวเพื่อการปฏิวัติยังคงกุมอำนาจ ไว้ได้ แต่ก็มิได้ทำให้ประเทศหยุดอยู่กับที่แต่อย่างใด คนรุ่นใหม่เริ่มเข้ามาแทนคนรุ่นเก่าในพรรค และเริ่มมีการสร้างสายสัมพันธ์ทางธุรกิจใหม่ๆเพื่อสร้างเสริมเครื่อข่ายการ อุปถัมภ์

เขากล่าวเสริมว่า แม้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะปราศจากพรรคคู่แข่ง แต่ชาวลาวส่วนใหญ่ก็จะกากบาทอย่างระมัดระวังมากขึ้น แม้ว่าจะพิจารณาแค่เพียงระดับการศึกษา ประสบการณ์ หรือแม้แต่รูปร่างหน้าตา มากกว่านโยบายก็ตาม

สภาแห่งชาติชุดใหม่ของลาวจะเปิดประชุมรับรองรัฐบาลใหม่อย่างเป็นทางการใน เดือนมิถุนายน คาดว่านายจูมมะลี ไซยะสอน ซึ่งเพิ่งได้รับเลือกเป็นเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เมื่อเดือนมีนาคม จะได้รับเลือกเป็นประธานประเทศ และนายทองสิง ทำมะวง จะยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากเข้ารับตำแหน่งนี้เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วแทนการลาออกอย่าง กะทันหันของนายบัวสอน บุบผาวัน

ที่มา มติชนออนไลน์