
หนังสือ"ทรัพย์ศาสตร์"

พระยาสุริยานุวัตร(เกิด บุนนาค)


รศ.ฉลอง สุนทราวาณิชย์
"พระยาสุริยานุวัตรกับรัชกาลที่ 5 " เป็นชื่อการสัมมนาที่นำโดย รศ. ฉลอง สุนทราวาณิชย์ อดีตหัวหน้าภาควิชาประวัติศาสตร์ จุฬาฯ และ "ไพร่สอนหนังสืออิสระ" ดังที่เจ้าตัวเรียกตัวเอง และเป็นหนึ่งในซีรี่ส์สัมมนา "ประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลที่ 5 : มุมมองและข้อเสนอใหม่" ของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา
อาจารย์ฉลอง กล่าวถึงความสำคัญและคุณูปการของพระยาสุริยานุวัตร (เกิด บุนนาค) ทั้งการเป็นหัวหน้าผู้แทนรัฐบาลไปประชุมสันติภาพนานาชาติที่กรุงเฮก เมื่อค.ศ. 1899 และความซื่อสัตย์สุจริตของท่าน ที่ปฏิเสธไม่รับเงินสินบนของรัสเซียในช่วงสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น รวมทั้ง บทบาทในฐานะนักเศรษฐศาสตร์คนแรกของประเทศ และผู้ประพันธ์หนังสือ "ทรัพย์ศาสตร์" ซึ่งเป็นหนังสือเล่มแรกๆที่ถูกเซ็นเซอร์ โดยทางราชการได้ขอร้องไม่ให้ผู้พิมพ์นำหนังสือทรัพย์ศาสตร์ออกไปเผยแพร่ รวมทั้งได้ออกกฎหมายห้ามสอนลัทธิเศรษฐกิจ โดยถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดอาญา และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าเขียนตำรา หรือศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์โดยเปิดเผยอีกเป็นเวลาเกือบ 20 ปี
แต่ในปัจจุบัน หนังสือทรัพย์ศาสตร์ กลายเป็นหนังสือที่ได้รับคัดเลือกว่าเป็นหนึ่งใน 100 เล่มหนังสือดีที่คนไทยควรอ่าน ด้วยเหตุผลว่า "เป็นหนังสือที่นอกจากจะให้ความรู้เรื่องหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว ยังให้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทยและทัศนะที่คนไทยยุคก่อนมองปัญหา เศรษฐกิจไทย รวมทั้งถือเป็นตำราเศรษฐศาสตร์เล่มแรกของคนไทย" ทั้งยังถูกนำมาใช้เป็นเอกสารประกอบการสอนในระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัย วิชาธรรมศาสตร์และการเมือง หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475
โดยหนังสือทรัพย์ศาสตร์ "มีลักษณะนำเสนอแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์และอธิบายถึงระบบเศรษฐกิจในประเทศตะวัน ตกในสมัยนั้น ขณะเดียวกันก็นำเอาแนวคิดและกลไกระบบเศรษฐกิจแบบตะวันตกมาประยุกต์ใช้กับ สังคมไทย โดยไม่ลืมรากฐานที่สังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวนายากจน ท่านเขียนตำรานี้โดยมุ่งหวังที่จะเห็นประเทศไทยพัฒนาไปสู่ประเทศที่มั่งคั่ง เข้มแข็ง เป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง และมีความเป็นธรรมในสังคม" ตามที่วารสารเศรษฐกิจและสังคมได้ให้ข้อมูลไว้
นอกจากนี้ พระยาสุริยานุวัตรยังเป็นสามัญชนคนแรกที่ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงพระคลัง มหาสมบัติและลงนามในธนบัตร มีผลงานในการเปลี่ยนแปลงระบบเงินตราให้ใช้สตางค์แทนอัฐ และเปลี่ยนระบบการเงินของไทยจากมาตรฐานเงินตรามาเป็นมาตรฐาน "ทองคำ"
รศ. ฉลอง กล่าวในการสัมมนาในครั้งนี้ว่า ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 อันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สยามต้องเผชิญกับวิกฤติทั้งภายในและภายนอกนั้น ความ สำเร็จทางประวัติศาสตร์ไม่ได้มาจากคุณูปการของรัชกาลที่ 5 เพียงพระองค์เดียว แต่ความสำเร็จดังกล่าวยังได้มาด้วยบุคคลที่รายล้อมพระองค์ และหนึ่งในนั้นคือ พระยาสุริยานุวัตร อันต้องทำให้เรากลับมาประเมินประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลที่ 5 กันใหม่
อาจารย์ฉลอง กล่าวถึงคุณูปการของพระยาสุริยานุวัตร ทั้งบทบาทการเป็นหัวหน้าผู้แทนรัฐบาลในการประชุมสันติภาพนานาชาติที่กรุงเฮก อันนำไปสู่การจัดตั้งศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ และนำมาสู่การจัดตั้ง "ศาลโลก" ในเวลาต่อมา และได้ เล่าถึงความซื่อสัตย์สุจริตของพระยาสุริยานุวัตร ที่ปฏิเสธไม่รับเงินสินบน 2 ล้านฟรังค์เพื่อให้ความช่วยเหลือรัสเซียในเรื่องการซื้ออาวุธสงคราม ซึ่งทำให้ไทยไม่ถูก "รุมกินโต๊ะ" จากบรรดาชาติมหาอำนาจในขณะนั้น
โดยรศ.ฉลองกล่าวถึงเหตุผลที่รัสเซียตัดสินใจเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัด "การประชุมสันติภาพนานาชาติ ณ กรุงเฮก" เมื่อปี ค.ศ. 1899 ว่า เนื่องจากรัสเซียไม่มีเงินพัฒนาเทคโนโลยีอาวุธสงครามและสำหรับรัสเซียแล้ว "ไม่มีประโยชน์ที่รัสเซียจะพัฒนาอาวุธสงคราม เพราะสงครามเป็นอะไรที่สิ้นเปลืองและไร้สาระ" แต่ในสงครามระหว่างรัสเซีย-ญุี่ปุ่น รัสเซียกลับต้องการละเมิดสัญญาความเป็นกลางในการประชุมสันติภาพนานาชาติเสีย เอง และพยายามล็อบบี้ให้สยามช่วยซื้ออาวุธให้ในนามของรัฐบาลสยาม
นอกจากนี้ รศ.ฉลองยังกล่าวถึงการประชุมสันติภาพนานาชาติที่กรุงเฮก ว่ามีความสำคัญในการรับรองความเป็นอธิปไตยที่สมบูรณ์ของรัฐไทย ซึ่งในทุกวันนี้ คำว่า "อธิปไตย" กำลังลดความสำคัญลง อันเป็นผลสืบเนี่องมาจากกระแสโลกาภิวัฒน์ เราจะเห็นความลางเลือนของคำว่าอธิปไตยได้จากตัวอย่างการรวมกลุ่มประเทศยุโรป (EU), ประชาคมอาเซียนที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต หรือการทำ FTA ในหลายๆประเทศ ทั้งนี้ รศ.ฉลองเน้นย้ำว่า ความสำคัญของอธิปไตยที่กำลังลดความสำคัญลงนั้น ได้เกิดขึ้นใน "บางพื้นที่ของโลก" เท่านั้น
ไม่ว่าอาจารย์ฉลองจะต้องการพาดพิงไปถึงสงครามแย่งชิงเขตแดนไทย-กัมพูชาใน ขณะนี้หรือไม่ก็ตาม การสัมมนาในครั้งนี้ได้ทำให้ผู้ร่วมสัมมนาตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่า "การทำสงครามเป็นกิจกรรมทางการเมืองที่แพงเอามากๆ" และเนื่องในโอกาสวันเกิดครบรอบ 100 ปีหนังสือ "ทรัพย์ศาสตร์" ของพระยาสุริยานุวัตร ผู้มีบทบาทสำคัญในการยับยั้งสงครามนี้ในประวัติศาสตร์สยามนี้ คงเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย ที่เราจะได้ตระหนักถึงบุคคลดังกล่าวและอุดมการณ์ที่ท่านยึดถือ
ที่มา มติชนออนไลน์