วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สมภารวัดปทุมยัน ไม่"แดง" แฉทหารบุกกุฏิ

วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7114 ข่าวสดรายวัน

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNVEl5TURVMU13PT0%3D&sectionid=TURNd01RPT0%3D&day=TWpBeE1DMHdOUzB5TWc9PQ%3D%3D

พระเผยนาทียิง 6ศพหน้าประตู เจออีกนปช.ดับ ในเซ็นทรัลเวิลด์ มาร์คแถลงเสียใจ นานาชาติรุมสับ ใช้ปืนสลายม็อบ


ค้นวัดปทุมฯ - พระธรรมธัชมุนี เจ้าอาวาสวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ย่านราชประสงค์ เปิดแถลงชี้แจงว่าวัดไม่เกี่ยวข้องกับม็อบเสื้อแดง ภายหลังทหารยกกำลังเข้าตรวจค้นทุกซอกทุกมุม เมื่อวันที่ 21 พ.ค.

แฉ 6 ศพถูกยิงหน้าประตูวัดปทุมฯ พระเผยมีพยานเห็นกองกำลังชุดพรางระดมยิงจากสะพานลอยใส่ผู้ชุมนุมนปช. 3 อาสาแพทย์เข้าไปช่วยเลยโดนยิงดับไปด้วย ก่อนมีกองกำลังเดินมาจ่อยิงซ้ำดับคาที่ เจ้าอาวาสวัดปทุมฯเปิดแถลงยันเป็นเขตอภัยทาน ไม่ใช่พวกเสื้อแดง แฉทหารบุกเข้าค้นถึงกุฏิ เจอศพนปช.ถูกไฟคลอกตายบนชั้น 4 เซ็นทรัลเวิลด์ มาร์คออกจอทีวีแถลงเสียใจ แต่ยังอ้างประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจ ชี้เร่งฟื้นฟูเยียวยาด่วน ยังไม่เลิกโรดแม็ปปรองดอง สรุปยอดตายตั้งแต่ 12 มี.ค.- 19 พ.ค.ดับ 85 เจ็บอีก 1.8 พันคน แรมโบ้อีสานยันมอบตัวแน่หลังเลิกพ.ร.ก. ตร.ตามล่า"กี้ร์"ถึงพิษณุโลก องค์กรสิทธิ มนุษยชนนานาชาติจี้รัฐบาลเลิกใช้อาวุธ ปิดกั้นสื่อ แกนนำ 24 มิถุนาฯประกาศนัดชุมนุมใหญ่ กดดันมาร์คลาออกรับผิดชอบความรุนแรง ตร.ระบุมีคนแจ้งสูญหายอีกเพียบ
-ทหารเสนอให้เลิกเคอร์ฟิว
เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 21 พ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกจากบ้านพักบ้านรองรับในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์(ร.11 รอ.) มายังกองบัญชาการ ศูนย์บัญชาการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) จากนั้นเวลา 09.00 น.นายกฯเข้าร่วมประชุม ศอฉ. โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผอ.ศอฉ. เป็นประธานการประชุม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.อ. วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ. พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผบ.พล.1 รอ. พล.ต. สุรศักดิ์ บุญศิริ ผบ.พล.ม.2 รอ. พล.ต. อุทิศ สุนทร ผบ.พล. ร.9 นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะเลขานุการ ศอฉ. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ และเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง เข้าร่วมประชุม
โดยที่ประชุม ทางฝ่ายทหารเสนอให้ผ่อนคลายพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะการประกาศเคอร์ฟิว เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนอย่างมาก ศอฉ.จึงหารือกันว่าจะผ่อนคลายในข้อจำกัดลงบ้าง โดยขอดูสถานการณ์คืนวันที่ 21 พ.ค.ก่อน
-"ไก่อู"ชี้ยังจำเป็นต้องตั้งด่าน
ต่อมาเวลา 11.00 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ. แถลงว่า การประชุมช่วงเช้า มี 3 ประเด็นที่ศอฉ.เสนอรัฐบาลคือ 1.การประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีเงื่อนไขหลายประการทำให้ประชาชนใช้ชีวิตไม่สะดวก จึงผ่อนปรนเงื่อนไขข้อกำหนดบางประการ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ส่วนการพิจารณาระยะเวลาการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รัฐบาลจะเป็นผู้ประเมิน 2.การเข้าตรวจสอบพื้นที่โดยละเอียดบริเวณราชประสงค์ ซึ่งดำเนินการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. โดยพล.1 รอ. เริ่มวางกำลังตั้งแต่แยกเฉลิมเผ่า พล.ม.2 รอ.วางกำลังบริเวณแยกสารสิน และพล.ร.9 วางกำลังแยกชิดลม ซึ่งทั้ง 3 กองกำลังปรับรูปขบวนเพื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่เข้าสู่แยกราชประสงค์ พร้อมกันทั้ง 3 ทิศทาง
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ขณะนี้สามารถตรวจสอบความปลอดภัยในพื้นที่ราบได้ครบสมบูรณ์แล้ว เหลือแต่อาคารตึกสูงอีก 10 อาคาร ประกอบด้วยตึกภปร.ของร.พ.ตำรวจ โรง แรมราชดำริ อาคารรีเจนท์เฮาส์ อาคารนันทวัน ตึกเซนต์รีจิส อาคารดิแอดเดรส โรงแรมโฟร์ซีซั่น อาคารราชดำริ เซ็นเตอร์พอยท์ อาคารเฉลิมพระเกียรติร.พ.จุฬาลงกรณ์ และโรงแรมเอราวัณ คาดว่าจะตรวจสอบเสร็จสิ้นภายในเวลา 15.00 น.วันนี้ และจะส่งมอบเจ้าหน้าที่กทม.ภายในเวลา 18.00 น.วันนี้ แม้จะตรวจสอบพื้นที่ต่างๆให้เกิดความปลอดภัยครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ทหารยังคงปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับตำรวจและเจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆ เน้นตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เพื่อให้ความปลอดภัยประชา ชนอีกระยะหนึ่ง
-ระบุยึดอาวุธได้ในวัดปทุมฯ
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า 3.กรณีตรวจสอบพื้นที่โดยละเอียดและกลุ่มนปช.ยุติการชุมนุมแล้ว จะเริ่มยกเลิกมาตรการในการจำกัดการบริการสาธารณะในพื้นที่ ซึ่งทยอยยกเลิกตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยระบบประปา ไฟฟ้าทุกชนิด และการบริการสาธารณะในด้านอื่น รถไฟฟ้าใต้ดิน รวมถึงระบบขนส่ง รถเมล์ เรือโดยสารคลองแสนแสบ จะดำเนินการอย่างเต็มระบบภายในวันนี้
"สถานการณ์เมื่อคืนวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ถือว่าดีขึ้น แต่ต้องประเมินสถานการณ์ในวันนี้อีกวัน ส่วนอาวุธของกองทัพที่หายไปเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ขณะนี้ได้คืนมาน้อยมาก แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ยึดอาวุธที่วัดปทุมวนารามได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งนายสุเทพสั่งให้รีบรวบรวมอาวุธทั้งหมดตั้งแต่ต้นมาชี้แจงให้ประชาชนทราบ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ต่างจังหวัด ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เรียบร้อย ควบคุมได้ ส่วนที่มองว่ากลุ่มก่อการร้ายมีกลุ่มต่างชาติเข้ามาร่วมด้วยนั้น ตำรวจต้องตรวจสอบในรายละเอียดต่อไป ซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้จนกว่าจะได้หลักฐานที่ชัดเจน" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่านายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงใช้เอกสิทธิ์ส.ส. เดินทางไปต่างประเทศได้หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ไม่น่าจะได้ ส่วนแกนนำที่ยังไม่มอบตัวและยังหลบหนีอยู่ เจ้าหน้าที่กำลังติดตามเพื่อป้องกันแกนนำออกนอกประเทศ อย่างไรก็ตามเรามีข้อมูลข่าวสารติดตามตัวอยู่ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รายงานผลเข้ามา
-"น.1"แถลงจับแนวร่วม นปช.
เวลา 11.00 น. ที่บก.น.1 พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. แถลงผลงานบก.น.1 จับกุมผู้ต้องหาประกอบด้วย 1.สน.มักกะสัน จับนายวัชราวุธ สุทธิพันธ์ อายุ 36 ปี พร้อมซองธน บัตร พร้อมเงินสดรวม 1,797 บาท ของร้านเซเว่นฯ สาขาถนนเพชรบุรี อ้างว่ามาร่วมชุมนุม นปช.เมื่อถูกสลายการชุมนุม จึงหลบหนี และลักทรัพย์ร้านดังกล่าว 2.สน.มักกะสัน จับนายธนพงษ์ บุตรดี อายุ 33 ปี ชาวจ.สุรินทร์ มาร่วมชุมนุมและถูกตำรวจส่งกลับบ้าน แต่ไปลงที่ จ. พระนครศรีอยุธยา แล้วย้อนกลับมาบ้านหลาน ซ.พัฒนาการ 20 แต่หลานไม่ยอมให้พักด้วย จึงเดินมาตามถนนเพชรบุรี จะกลับไปชุมนุมอีก ระหว่างทางเกิดความแค้นใช้ก้อนอิฐตัวหนอนทุบกระจกตู้โทรศัพท์สาธารณะ ป้อมยามจราจร และธนาคารกสิกรไทย สาขาเพชรบุรี แตกเสียหาย ดำเนินคดีข้อหาทำให้เสียทรัพย์ และฝ่าฝืนเคอร์ ฟิว 3.สน.พญาไท จับนายอำนวย ชำนาญแก้ว อายุ 34 ปี โชเฟอร์แท็กซี่สมาชิกนปช. ตรวจพบลูกระเบิด เอ็ม 26 จำนวน 1 ลูก และหมวกไหมพรม ในรถแท็กซี่ ทะเบียน ทพ 7397 กทม. อ้างว่าเป็นของผู้โดยสารทิ้งไว้ในรถ
-ตร.ขนคนออกจากวัดปทุมฯ
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก บช.น. แถลงว่า ศปก.น.ได้รับการประสาน กรณี ศอฉ.ได้มอบหมายภารกิจให้กองกำลังตำรวจโดย บช.น.รับผิดชอบในการจัดกำลังตั้งจุดตรวจ(ว.43) เข้มแข็ง 24 ชั่วโมง เพื่อปฏิบัติภารกิจในการรักษาความสงบเรียบร้อยและเฝ้าระวังการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายจากผู้ไม่หวังดี ซึ่งให้ยกเลิกภารกิจจุด ว.43 จำนวน 13 จุด ที่ปฏิบัติมาตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.53 และปรับจุดตรวจ ว.43 เข้มแข็ง จำนวน 12 จุด ดังนี้ 1.หน้าบีทีเอส หมอชิต 2.หน้ากรมศุลกากรคลองเตย 3.แยกอสมท 4.ใต้ทางด่วนรามอินทรา-ลาดพร้าว 5.พระราม4 ซ.งามดูพลี 6.เซ็นทรัล บางนา 7.ถ.พระราม 4 แยกหัวลำโพง 8.ศูนย์ราช การแจ้งวัฒนะ 9.เซ็นทรัลพระราม 3 10.อนุสาว รีย์ชัยสมรภูมิ 11.ใต้ทางด่วนดินแดง และ 12.เซ็น ทรัลพระราม 2
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวอีกว่า สำหรับสรุปผลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรณีรับมอบภารกิจของ ศอฉ.ในการช่วยเหลือประชาชน ในวัดปทุมวนารามนั้น เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ตั้งแต่เวลา 06.00 น. มีการปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการกลับภูมิลำเนา จากวัดปทุมวนาราม ภายใต้การควบคุมของ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท. ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พร้อมผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย ชุดกองร้อยควบคุมฝูงชน ชาย?หญิง, ชุดสืบสวน, ชุดเจรจาต่อรอง, ชุดปฏิบัติการจิตวิทยา, ชุดคุ้มกัน, ชุดจราจร-ขนส่ง ,ชุดแพทย์พยาบาล และปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้ง ศอฉ., กระทรวงคมนาคม, กระทรวงมหาดไทย ฯลฯ
-ส่งเสื้อแดงกลับบ้าน 3.6 พันคน
"จากการปฏิบัติภารกิจดังกล่าวสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้เป็นอย่างดีโดย 1.ช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในวัดปทุมวนารามให้กลับภูมิลำ เนาจำนวน 3,650 คน เป็นหญิงประมาณ 80% และชายประมาณ 20%, มีการบันทึกข้อมูลตามกฎหมายและส่งตัวกลับภูมิลำเนาทุกราย 2.พบผู้เสียชีวิตจำนวน 6 รายถูกเคลื่อนย้ายมารวมไว้ที่เดียวกันภายในวัดและถูกยิงด้วยอาวุธปืนทั้ง 6 ราย 3.มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน นำส่งร.พ.รามา, ร.พ.วชิระ และร.พ.จุฬาลงกรณ์ แห่งละ 1 คน(ถูกยิงขาขวา1 คน, โรคหอบหืด 1 คนและน้ำ ตาลในเลือดต่ำอีก1 คน) 4.ภายหลังอพยพคนออกไปแล้วได้ตรวจพบและยึดอาวุธ ของกลางต่างๆได้เป็นจำนวนมากเช่นอาวุธปืนเอ็ม 16 A1 จำนวน 1 กระบอก, ระเบิด 6 ลูก, กระสุนปืนขนาดต่างๆจำนวน 32 นัด, ระเบิดแก๊สน้ำตาจำนวน 2 ลูก, ระเบิดปิงปองจำนวน 6 ลูก, หนังสติ๊กจำนวน 32 อัน, ระเบิดเพลิง 10 ขวด, ระเบิดดินดำแสวงเครื่องจำนวน 7 ลูก, ประทัดยักษ์จำนวน 50 ลูก, ประทัดยักษ์แสวงเครื่อง(พันด้วยตะปู)จำนวน 4 ลูก, ดอกไม้เพลิง 27 อัน, ลูกแก้วจำนวน 200 ลูก และวิทยุมือถือ 1 เครื่องทั้งหมดจะได้มีการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป" โฆษก บช.น. กล่าว
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวอีกว่า ต่อมาหลังจากได้มีการตรวจสอบพื้นที่เพิ่มเติมโดยเฉพาะภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติและบริเวณใกล้เคียงซึ่งได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้หลบหนีทะลักเข้ามา พบว่ามีการซุกซ่อนอาวุธและวัตถุของกลางต่างๆอีกดังนี้ 1.ที่บริเวณอาคารโภชนาคาร ร.พ.ตร. ตรวจพบระเบิดแก๊สน้ำตา ชนิดขว้าง CS 2 ลูก, เครื่องกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 49 นัด, เครื่องกระสุนปืน (อาก้า) 1 นัด, ซองกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 ซอง, ระเบิดสังหารชนิดขว้าง(เอ็ม เค2) 1 ลูก 2.ลานจอดรถศรียานนท์ตรวจพบระเบิดแก๊สน้ำตาชนิดขว้าง CS 2 ลูก, อาวุธปืนลูกซองยาวยี่ห้อ เรมินตัน 870 ไม่ทราบทะเบียน 1 กระบอก พร้อมปลอกกระสุนอีก 1 ปลอก, พร้อมกระเป๋าเป้ 1 ใบ, รองเท้าผ้าใบสีขาว 1 คู่ 3. สวนหย่อมหน้าตึกห้องพิเศษอาคารราชการ ตร. ตรวจพบถุงพลาสติกภายในมีธนบัตรชนิดต่างๆรวมเป็นเงิน 46,900 บาท 4.อาคาร อเนกประสงค์วิทยาลัย ตร.ตรวจพบเหล็กแท่ง 1 อัน, หนังสติ๊ก 16 อัน, ลูกหินจำนวน 23 ลูก, อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ไม่มีทะเบียน 1 กระบอกพร้อมกระสุนเบอร์ 12 จำนวน 4 นัด, ลูกแก้ว จำนวน 1 ถุง และ ผ้าแดง 1 ห่อ
-คุมตัว 114 นปช.ยื่นฝากขังศาล
ที่ศาลแขวงปทุมวัน ถนนพระราม 4 ตชด. พลร่มค่ายนเรศวร 20 นายพร้อมอาวุธครบมือ ควบคุมตัวกลุ่มนปช. 34 คน ผู้ต้องหาคดีฝ่า ฝืนพ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ก่อเหตุวุ่นวายระหว่างวันที่ 19-20 พ.ค.ที่ผ่านมา จากสถานที่ควบคุมตัวค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 21-26 พ.ค.
ขณะเดียวกันตำรวจนครบาลควบคุมตัวแนวร่วมนปช.อีก 45 คน จากสถานที่ควบคุมตัวบก. ตชด.ภาค 1 จ.ปทุมธานี และในส่วนที่ตำรวจสน.ปทุมวัน จับกุมได้อีก 30 ราย ยื่นคำร้องผัดฟ้องฝากขังครั้งแรก 6 วัน ต่อศาลแขวงปทุมวันเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีแนวร่วมนปช.ที่ถูกจับโดยตำรวจสน.ลุมพินี 5 คน ถูกส่งมาฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 6 วัน ต่อศาลแขวงพระนครใต้ ถนนเจริญกรุง รวมแล้วมีแนวร่วมถูกจับกุม 114 ราย
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความนปช. กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายคารม พลทะกลาง หัวหน้าทีมทนายความนปช. และผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทย เข้ามาตรวจสอบยอดแนวร่วมนปช.ผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมด เบื้องต้นทราบว่าวันนี้เจ้าหน้าที่ส่งตัวแนวร่วมมาควบคุมตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรา 9 และ 11 แต่มีบาง คนที่ถูกตั้งข้อหาเพิ่มฐานวางเพลิง และปล้นทรัพย์ ซึ่งทีมทนายความต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
-ศาลไม่ให้ประกันหวั่นป่วนซ้ำ
นายวิญญัติกล่าวว่า เบื้องต้นแนะนำแนวร่วมทั้งหมดให้การปฏิเสธเพื่อต่อสู้คดี เนื่องจากที่ผ่านมาปรากฏว่าผู้ที่ถูกจับกุมแล้วยอมรับสารภาพก่อนหน้านี้ถูกศาลพิพากษาจำคุกทันที ซึ่งแกนนำนปช. และผู้ใหญ่พรรคเพื่อไทยจะให้ความช่วยเหลือเรื่องคดีกับแนวร่วมทุกคน ขณะนี้กำลังรวบ รวมหลักทรัพย์เพื่อประกันตัว โดยประเมินมูล ค่าคนละ 40,000 บาท
จากนั้นทนายความนปช. ยื่นคำร้องและหลักทรัพย์ขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด แต่ศาลสั่งยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้สถานการณ์อยู่ระหว่างประกาศพ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน อีกทั้ง หากได้รับปล่อยตัวเกรงจะก่อความเสียหายอีก เมื่อศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งหมดจะถูกนำไปควบคุมที่ค่ายนเรศวรและตชด.ภาค 1 เช่นเดิม
สำหรับกลุ่มแนวร่วมที่ถูกควบคุมตัวครั้งนี้ มีทั้งชาย หญิง และพระภิกษุ ส่วนใหญ่เป็นชาวอีสาน ขณะที่หลายคนยังคงมีอารมณ์กับเหตุ การณ์ที่เกิดขึ้น
-มาร์คอ้างปชช.เข้าใจรัฐบาล
เวลา 13.50 น. ที่หอประชุมกิตติสุข กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงการณ์พิเศษผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นการบันทึกเทปไว้ก่อนล่วงหน้าในเวลา 13.00 น. นายอภิสิทธิ์ เตรียมจะมาแถลงสดที่ศูนย์แถลงข่าวของ ศอฉ. แต่ก็เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายกลับไปบันทึกเทปแทน คาดว่าคงไม่ต้องการตอบคำถามสื่อมวลชน
นายอภิสิทธิ์ แถลงว่า นับตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 19 พ.ค.เป็นต้นมา รัฐบาลและศอฉ. เดินหน้าแก้ไขสถานการณ์ จนถึงขณะนี้เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากยิ่งขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จนถึงวันที่ 19 พ.ค. นำมาซึ่งความสูญเสียทั้งเรื่องของชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก ตน รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ทุกคน รวมทั้งประชาชน รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้น ต้องขอขอบคุณประชาชนจำนวนมากที่ได้สื่อ สาร แสดงความเข้าใจถึงความจำเป็นของรัฐบาล และศอฉ. ในการตัดสินใจเข้าปฏิบัติการเพื่อให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ภาวะปกติและดำรงความเป็นนิติรัฐ คือบ้านเมืองซึ่งปกครองด้วยกฎหมายได้
-มีเป้าให้เสียหายน้อยที่สุด
นายกฯ กล่าวว่า การปฏิบัติการทั้งหมด ต้องขอขอบคุณทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองท้องถิ่น ที่ได้อดทนเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ที่สำคัญมีหน่วยงานเอกชน อาสาสมัคร กาชาด และหน่วยงานอื่นๆ มีส่วนสำคัญในการช่วยบริหารจัดการสถาน การณ์ต่างๆ ให้ลุล่วงมาจนถึงขณะนี้ หลายคนต้องเอาชีวิตของตัวเองเข้าเสี่ยงภัย ยืนยันว่าการตัดสินใจปฏิบัติการต่างๆ คำนึงสูงสุดคือคุณค่าชีวิตของประชาชน การปฏิบัติการที่ได้ดำเนินการมานั้นได้ปฏิบัติการตามกฎหมาย ตามหลักสากล คำนึงถึงการลดความเสียหายให้น้อยที่สุด
นายกฯ กล่าวว่า บัดนี้ถึงเวลาที่เราทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการของการฟื้นฟูบ้านเมือง ในแง่ของตึกรามบ้านช่อง อาคารต่างๆ หรือการฟื้นฟูทางกายภาพนั้นเราทำได้อยู่แล้ว แต่ที่สำคัญที่สุดคือการฟื้นฟูจิตใจและความเป็นอันหนึ่งอันเดียว กันของบ้านเมืองที่จะต้องเกิดขึ้นต่อไป ภารกิจของรัฐบาลและศอฉ. ในขณะนี้จะแบ่งเป็นภารกิจ เฉพาะหน้า และภารกิจที่ต้องดำเนินการหลังจากนี้ต่อไป
- ฟื้นฟูเยียวยาเหยื่อก่อการร้าย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ภารกิจเฉพาะหน้าที่ศอฉ. และรัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการคือเร่งเข้าไปฟื้นฟูและเยียวยาให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการก่อการร้าย การวินาศกรรม การวางเพลิงและเหตุการณ์อื่นๆ ส่วนที่ประชาชนจำนวนมากยังมีความรู้สึกหวั่นไหว ตกใจ และรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ศอฉ. และรัฐบาลกำลังปรับรูปแบบการทำงานของเจ้าหน้าที่ บูรณาการการทำงานระหว่างตำรวจ ทหาร กทม. อาสาสมัครต่างๆ คอยเป็นหูเป็นตาลาดตระเวนสอดส่องให้สถานการณ์ในช่วง 2-3 วันข้างหน้าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เกิดความปลอดภัยกับประชาชนทั้งในกทม.และต่างจังหวัด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มาตรการในระยะกลาง เมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้นจะเริ่มยกเลิกข้อกำหนดต่างๆ ซึ่งอาจเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพตามที่มีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้ประชาชนกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ สอดคล้องกับการรักษาความสงบเรียบ ร้อยของบ้านเมือง และสอดคล้องกับสถานการณ์ ขณะเดียวกันเรื่องการดำเนินคดี การดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดและมีโทษร้ายแรงในข้อหาต่างๆนั้น จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ต่อ เนื่องและเด็ดขาด ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
-ยังไม่เลิกโรดแม็ปปรองดอง
นายกฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือการเตรียมการฟื้นฟูประเทศและฟื้นฟูจิตใจของประชาชนในระยะยาว ก่อนหน้านี้ตนได้เสนอแผนสร้างความปรองดอง (โรดแม็ป) 5 ข้อ แผนดังกล่าวยังเป็นเจตนารมณ์สำคัญที่รัฐบาลยังยึดถืออยู่ แต่สิ่งที่ต้องเพิ่มเติมเข้าไปคือการฟื้นฟู ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านจิตใจ สังคม เศรษฐกิจ หรือการเมือง กระบวนการปรอง ดองและฟื้นฟูต้องเน้นการมีส่วนร่วมของประชา ชนทุกฝ่ายที่ต้องช่วยกันทำให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบสุข และทำให้ประชาชนคนไทยกลับมาเป็นหนึ่งเดียว มีความสมัครสมานสามัคคี
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปฏิบัติการที่ได้ทำมาทั้งหมดจนขณะนี้ ช่วยให้เราสามารถจัดการกับคนที่กระทำผิดกฎหมาย คนที่ไม่หวังดีกับบ้านเมือง แต่สำหรับประชาชนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่าง ประชาชนที่เดือดร้อน ประชาชนที่มีข้อเรียกร้องซึ่งรัฐบาลต้องตอบสนองนั้น ในแผนปรองดองจะช่วยแก้ไขและให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทุกกลุ่มจริงๆ
- ย้ำคนเผาเมืองต้องได้รับโทษ
"อยากเรียนประชาชนว่าเราอยู่บ้านเดียวกันครับ บ้านของเราได้รับความเสียหาย บัดนี้เราได้แยกแยะคนที่จะมาเผาบ้านของเราออกไป คนเหล่านั้นต้องได้รับโทษ แต่ประชาชนที่อยู่ในบ้านเดียวกันนี้อาจจะยังมีความคิดเห็นแตกต่างหลากหลายว่าบ้านของเราควรเป็นอย่างไร จากนี้ไปผมอยากจะเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนทุกกลุ่มว่าเราเป็นคนบ้านเดียวกัน อะไรที่เป็นความแตกต่าง เราก็ต้องรับฟังซึ่งกันและกัน และมาช่วยกันไม่เพียงแต่ออกแบบ แต่ต้องช่วยกันสร้าง ลงแรง ลงใจ ทำให้บ้านของเรากลับมาเป็นบ้านที่น่าอยู่สำหรับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน กระบวน การนี้ต้องเริ่มต้นนับตั้งแต่นาทีนี้ และเป็นสิ่งที่ผมขอเชิญชวนประชาชนทุกคนให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองข่าวสารต่างๆ ช่วยกันชี้แจงข้อเท็จจริง ไม่เฉพาะกับคนไทยด้วยกันเอง แต่ออกสู่ประชาคมโลกเพื่อให้กระบวนการดังกล่าวเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น รวดเร็ว และตอบสนองความต้องการของประชา ชนทั้งประเทศต่อไป" นายอภิสิทธิ์กล่าว
-ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ 6 เขต
ที่ศาลาว่าการกทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เป็นประธานประชุมหัวหน้าหน่วยงานกทม. เพื่อติดตามและหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดจากสถานการณ์ชุมนุมของกลุ่มนปช. และจากเหตุไม่สงบ โดยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากนายอภิสิทธิ์ว่า ศอฉ.ตั้งศูนย์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งกทม.จะเข้าร่วมแก้ไขปัญหาด้วย นอกจากนี้กทม.ก็จะตั้งศูนย์ประสานงานแก้ปัญหาพื้นที่ประสบภัยพิบัติ พร้อมทั้งยกร่างคำสั่งประกาศพื้นที่ภัยพิบัติในพื้นที่ 6 เขต ได้แก่ ปทุมวัน บางรัก คลองเตย วัฒนา ราชเทวี ดินแดง และสาทร เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนต่างๆ จากเหตุการณ์ความไม่สงบ นอกจากนี้ กทม.จะประสานเพื่อของบฟื้นฟูทั้งด้านกายภาพ และด้านจิตใจของประชาชน ซึ่งกทม.จะประเมินตัวเลขงบที่จะขออีกครั้ง
ทั้งนี้ แม้ศอฉ.จะส่งมอบพื้นที่ให้กทม.ได้บ้างแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังห่วงเรื่องความปลอดภัย หาก กทม.จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่เพื่อทำความสะอาด จึงอาจต้องชะลอการเข้าพื้นที่ในบางจุด แต่กทม. ยังเตรียมพร้อมทำงานตลอดเวลาเหมือนเดิม


กุฏิเจ้าอาวาส - ทหารปีนข้ามรั้วกุฏิเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ระหว่างเข้าตรวจค้น โดยก่อนหน้านี้วัดเปิดพื้นที่เป็นเขตอภัยทานให้ผู้ชุมนุมเข้ามาหลบภัย แต่เกิดกรณีสะเทือนใจมีคนถูกยิงตายถึง 6 ศพ

- โยธาเร่งสำรวจอาคารที่โดนเผา
ด้านนายจุมพล สำเภาพล ผอ.สำนักการโยธา(สนย.) เปิดเผยถึงการเข้าพื้นที่เพื่อตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารที่ถูกเพลิงไหม้ว่า เบื้องต้นสนย.ได้แบ่งอาคารที่ถูกเพลิงไหม้เป็น 28 กลุ่มอาคารเพื่อตรวจสอบ เพื่อแจ้งเจ้าของอาคารทราบถึงสภาพอาคาร โดยได้ประสานกับหน่วยงานทางด้านวิศวกรรม ได้แก่ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย วิศวกรที่ปรึกษา สมาคมตรวจสอบความมั่นคงอาคารฯ ร่วมกันกำหนดเกณฑ์ตรวจสอบอาคารไว้ 3 ระดับ คือ 1.อาคารที่มีความเสียหายมาก เนื่องจากองค์อาคารเสียหายมาก ไม่สามารถซ่อมแซมได้จำเป็นต้องรื้อถอน 2.เสียหายปานกลางโดยองค์อาคารยังอยู่ สามารถ ซ่อมแซมได้แต่ต้องใช้เทคนิคทางวิศวกรรมขั้นสูง และ 3.เสียหายน้อย ไม่มีผลกระทบกับองค์อา คาร แต่เสียหายเพียงส่วนของสถาปัตยกรรม สามารถซ่อมแซมได้ ขณะนี้ สนย.ตรวจสอบอาคารที่อยู่รอบนอกได้เพียง 6-7 อาคารเท่านั้น แต่ในส่วนอาคารที่อยู่ในพื้นที่อันตรายที่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ แต่จากประเมินเบื้องต้น พบว่ามีอาคารที่เข้าข่ายการเป็นอาคารที่เสียหายมาก ได้ แก่ อาคารเซ็น ทรัลเวิลด์ อาคารเซ็นเตอร์วัน บิ๊กซี ราชดำริ และสยามสแควร์
ทั้งนี้ ในส่วนอาคารที่สามารถเข้าตรวจสอบได้ จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 23 พ.ค. ส่วนพื้นที่ที่ยังควบคุมอยู่นั้น หากศอฉ.ส่งมอบเรียบร้อยแล้ว สนย.จะเร่งตรวจสอบให้แล้ว เสร็จภายใน 3 วัน อย่างไรก็ตาม เมื่อกทม.ตรวจสอบอาคารทั้งหมดแล้ว จะส่งเรื่องให้เจ้าของอาคารดำเนินการแผนการซ่อมแซมอาคารมาให้กทม.พิจารณา ว่าซ่อมแซมได้ตามแผนหรือไม่ก่อนจะมีการออกคำสั่งอนุญาตต่อไป
-เอราวัณสรุปตาย 15 เจ็บ 104
วันเดียวกัน น.พ.เพชรพงษ์ กำจรกิจการ ผอ. ศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน กรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) กล่าวว่า จากการตรวจสอบผู้เสียชีวิตที่พบในวัดปทุมวนาราม ที่ยังไม่สามารถระบุหน่วยงานต้นสังกัดที่ชัดเจนได้ เบื้องต้นพบว่าผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครของมูลนิธิป่อเต็ก ตึ๊ง แต่ยังไม่ได้บรรจุเป็นพนักงานของมูลนิธิ และอีก 2 ราย ตรวจสอบกับสภากาชาดและเจ้าหน้าที่กู้ภัยสังกัดกรุงเทพมหานครแล้ว ไม่พบรายชื่อบุคคลทั้งสองเป็นเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด จึงอยู่ระหว่างตรวจสอบหาหน่วยงานต้นสังกัดต่อไป
"สำหรับผู้เสียชีวิตขณะนี้ยังมีที่ไม่สามารถระบุชื่อ มีเพียง 3-4 ศพ ซึ่งญาติสามารถนำเอกสารหลักฐานไปขอเทียบและพิสูจน์ได้ที่ร.พ. รามาธิบดี และร.พ.ตำรวจ" น.พ.เพชรพงษ์ กล่าว
น.พ.เพชรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมของเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพ ซึ่งเสียชีวิต 1 ราย และเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่เสียชีวิต 1 ราย และมีเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิร่วมกตัญญู และป่อเต็กตึ๊ง บาดเจ็บมูลนิธิละ 1 ราย แม้ว่าจะเสียขวัญกำลังใจในตอนแรก แต่ได้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ทุกคนว่า การเสียสละที่เกิดขึ้นจะสามารถช่วยได้อีกหลายชีวิต ทำให้เจ้าหน้าที่มีกำลังใจกลับมาทำงานได้อีกครั้ง ซึ่งหลังจากการประกาศเคอร์ฟิว ได้มีการประสานฝ่ายมั่นคงในการทำงานตลอด ทำให้การทำงานไม่ยากเท่าช่วงการปะทะ แต่ก็ยังพบว่าเมื่อคืนวันที่ 20 พ.ค.ยังมีรายงานว่ามีเสียงปืนดังในบางพื้นที่ที่เข้าปฏิบัติงาน
ศูนย์เอราวัณ ได้รายงานตัวเลขผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต จากเหตุขอคืนพื้นที่แยกราชประสงค์และพื้นที่อื่น ยอดเฉพาะผู้บาดเจ็บเมื่อวันที่ 19 พ.ค. มีผู้บาดเจ็บ 104 คน เสียชีวิต 15 ราย ยอดรวมตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. บาดเจ็บ 408 คน เสียชีวิต 52 ราย รักษาตัวในไอซียู 15 คน หอผู้ป่วยทั่วไป 161 คน กลับบ้านแล้ว 231 คน
-รวมทั้งหมดตาย 85 เจ็บ 1,898
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินในภาวะฉุกเฉินระดับชาติ ที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ว่า หน่วยงานต่างๆ ที่เข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ กับศูนย์ปฏิบัติการ ตั้งแต่เริ่มเกิดการชุมนุม ประกอบด้วยโรงพยา บาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข กทม. กระทรวง ศึกษาธิการ เอกชน และมูลนิธิต่างๆ สรุปตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.-19 พ.ค. มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 1,898 ราย เสียชีวิต 85 ราย สำหรับผู้บาดเจ็บในวันที่ 14-19 พ.ค. มีทั้งหมด 480 ราย โดยอยู่ในเขตกทม. 437 ราย และใน 7 จังหวัด 43 ราย มีผู้เสียชีวิตรวม 53 ราย อยู่ในเขต กทม. 52 ราย และจังหวัดขอนแก่น 1 ราย
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการแพทย์ฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. ถึงวันที่ 19 พ.ค.2553 ที่ผ่านมา มีอาสาสมัครกู้ชีพ ในหน่วยปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 5 ราย โดยเป็นผู้บาดเจ็บ 3 ราย เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นอาสาสมัครที่มีความสำคัญและเป็นผู้ที่เสียสละในการปฏิบัติหน้าที่ ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุก เฉินฯ เป็นอย่างดีในช่วงที่ผ่านมา ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตทั้ง 5 ท่านนี้นอกจากจะได้รับเงินช่วยเหลือจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ตามเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนดไว้แล้ว ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมด้วย โดยอาสาสมัครที่เสียชีวิตจะได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 50,000 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บได้รับรายละ 20,000 บาท
รายชื่ออาสาสมัครที่เสียชีวิต 2 ราย ได้แก่ 1.นายบุญทิ้ง ปานจิรา อาสากู้ชีพวชิรพยาบาล 2.นายมานะ แสนประเสริฐศรี อาสามูลนิธิป่อเต็ก ตึ๊ง ส่วนอาสาสมัครที่บาดเจ็บ 3 ราย ได้แก่ 1.นายสุรพล ยิ้มเนียม สังกัดหน่วยกู้ภัยกูชีพ หัวหน้าหน่วยกู้ภัยนนทบุรี ล่าสุดแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 2.นายธีระ จุ่มเจริญ สังกัดหน่วยกู้ภัยกู้ชีพ หน่วยกู้ภัยนนทบุรี ขณะนี้รักษาตัวที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า และ 3.นายศรายุทธ อำพันธ์ สังกัดมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ
-แรมโบ้มอบตัวหลังเลิกพ.ร.ก.
ก่อนหน้านี้ เวลา 06.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี ผกก.3 บก.ป.นำกำลังคอมมานโดกองปราบปราม พร้อมหมายศาลอาญาเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 111 หมู่ 1 ต.เฉลียง อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ของนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน แกนนำนปช.และอดีต ส.ส.นครราชสีมา เพื่อติดตามหาตัวนายสุภรณ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผลการตรวจค้นไม่พบมีใครอาศัยอยู่ในบ้าน แต่ภาย ในบ้านพบกระสุนปืน 9 ม.ม. 50 นัด ผ้าพันคอนปช.และเอกสารจำนวนหนึ่ง จึงนำส่งสภ. ครบุรี
ที่กองปราบฯ นายเทพปกรณ์ อินทรพัฒน์ ทนายความรับมอบอำนาจจากนายสุภรณ์เข้ายื่นหนังสือแสดงความประสงค์ขอมอบตัวกับกองปราบฯ โดยหนังสือดังกล่าวระบุเขียนที่บ้านเลขที่ 111 หมู่ 1 ต.เฉลียง อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา วันที่ 21 พ.ค. 2553 ว่า จะเข้ามอบตัวที่กองปราบฯ หลังจากรัฐบาลยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว เพื่อจะได้ต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมในภาวะปกติ เนื่องจากเห็นว่าการประกาศสถานการณ์ ฉุกเฉินของรัฐบาลไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังอยู่ระหว่างการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถึงความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของประกาศดังกล่าว
-เชียงใหม่รับขวัญนปช.ที่รอด
วันเดียวกัน ที่สถานีรถไฟ จ.เชียงใหม่ กลุ่ม เสื้อแดงที่ยุติการชุมนุมที่ราชประสงค์ กรุงเทพฯ ได้เดินทางโดยรถไฟมาถึงเชียงใหม่จากที่ทางรัฐ บาลได้จัดรถไฟให้จำนวน 1 เที่ยว มีคนเสื้อแดงเดินทางกลับจำนวนประมาณ 200 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ของทางราชการหลายหน่วยงาน และมีตำรวจ ทหาร รวมทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ ให้การต้อนรับจำนวนมากกว่า 50 คน สื่อมวล ชนทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ความสนใจมาบันทึกภาพทำข่าวจำนวนมาก ทางแกนนำกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ได้ประกาศยังจะรวมตัวในวันที่ 29 พ.ค. เพื่อทำบุญรับขวัญกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ที่รอดชีวิตกลับมาจากการประท้วง สำหรับสถานที่ในการรวมตัวอีกครั้งเพื่อทำบุญนั้น กำหนดเอาที่ลานจอดรถหน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่แห่งนี้ ซึ่งเคยเป็นที่รวมตัวของกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่อีกกลุ่มหนึ่ง
นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการรับตัวกลุ่มนปช. ที่กระทำผิดกฎหมาย และถูกส่งตัวเข้ามาคุมขังในเรือนจำว่า ขณะนี้มีแล้วเกือบ 100 ราย โดยไม่มีการแยกขังผู้ใดเป็นพิเศษ และเชื่อว่าผู้ที่มีความคิดแตกแยกเหล่านี้จะถูกอบรมจากในเรือนจำ ให้กลายเป็นคนเหมือนปกติโดยทั่วไปได้ และในส่วนของผู้นำนปช.นั้น ในขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการควบคุมตัว ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และคาดว่าจะถูกส่งตัวมาคุมขังในเรือนจำในเร็วๆ นี้ ซึ่งทางเรือนจำก็ไม่มีความเป็นห่วงอะไร และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแยกขัง แกนนำนปช.
-จี้มาร์คลาออกแสดงมโนสำนึก
ที่มูลนิธิ 111 ไทยรักไทย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย พร้อมคณะร่วมแถลงกรณีรัฐบาลใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามประชาชนในวันที่ 10 เม.ย. และระหว่างวันที่ 14-19 พ.ค.ที่ผ่านมา จนมีผู้เสียชีวิตมากถึง 73 คน บาดเจ็บกว่า 1,500 คน ส่งผลให้เกิดจลาจล และขึ้นแบล็กลิสต์ห้ามบุคคล นิติ บุคคล 125 รายทำธุรกรรมทางการเงิน รวมทั้งประกาศเคอร์ฟิวหลายจังหวัด ทำให้บรรยากาศ ตึงเครียด ขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการ 1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และผอ.ศอฉ. ต้องพ้นจากตำแหน่ง เพื่อแสดงมโนสำนึกความเป็นคนและความถูกต้อง
นายสมยศ กล่าวอีกว่า กรณีเกิดเพลิงไหม้ในหลายจุดหลังสลายการชุมนุม ทั้งที่มีกำลังทหารอยู่ในพื้นที่ แสดงให้เห็นว่าไม่มีการป้องกัน หรือรัฐบาลจงใจให้เกิดขึ้น ดังนั้น รัฐบาลต้องเยียวยาพนักงานที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุหากมีสลายการชุมนุมและทหารยังไม่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ จะถอนตัวจากการ ร่วมรัฐบาลนั้น ขอให้นายบรรหารรักษาสัจจะที่พูดไว้ด้วย เพราะเมื่อผู้ชุมนุมสลายแล้ว แต่นายบรรหารยังไม่มีท่าทีอะไร
-เลิกจัดฉาก-กลบความผิด
นายสมยศ กล่าวว่า 2.รัฐบาลต้องยกเลิกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยกเลิกศอฉ. ยกเลิกเคอร์ฟิว เพื่อคืนความสงบสู่สังคม และยุติสร้างภาพ จัดฉากกลบเกลื่อนความรุนแรงของตัวเอง 3.ยุติคุก คามสื่อ โดยคืนสิทธิเสรีภาพให้กับสื่อสารมวล ชนทุกแขนง 4.ให้ปฏิบัติต่อแกนนำนปช.ที่ถูกจับกุมในฐานะนักโทษการเมือง ไม่ใช่อาชญา กร และ 5.ให้เปิดเผยความจริงการใช้กำลังทหารปราบปราม และจำนวนประชาชนที่เสียชีวิต โดยมีตัวแทนนปช.ร่วมตรวจสอบด้วย
นายสมยศ กล่าวต่อว่า กลุ่ม 24 มิถุนาฯ และองค์กรคนเสื้อแดงจะร่วมกันต่อสู้ โดยรวมตัวเป็นสมัชชาประธิปไตย เพื่อสานต่อภารกิจสร้างประชาธิปไตยและสร้างความเป็นธรรม เบื้องต้นทางกลุ่มจะจัดกิจกรรมชุมนุมปลอบขวัญ โดยกลุ่มแดงตะวันตก เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงเหตุ การณ์ปราบปรามประชาชนที่สะพานผ่านฟ้าฯ และราชประสงค์ ในวันที่ 30 พ.ค. เวลา 15.00-21.00 น. ที่สวนสาธารณะเชิงเขาแก่นจันทร์ จ.ราชบุรี และจะทยอยจัดทุกจังหวัด ส่วนในกทม. จะนัดชุมนุมวันที่ 24 มิ.ย. และจะจัดกิจกรรมต่อเนื่องในเดือนมิ.ย.-ก.ค. นอกจากนี้จะจัดทำซีดีและสิ่งพิมพ์ประจานความโหดเหี้ยมของรัฐบาล และเรียกร้องนานาชาติงดซื้อขายอาวุธยุทธภัณฑ์ทหารให้กับกองทัพไทย และงดเชิญตัวแทนรัฐบาลไทยเข้าร่วมประชุมทุกชนิด
-โวยถูกบัญชีดำธุรกรรมการเงิน
จากนั้นนายสมยศให้สัมภาษณ์กรณีศอฉ.ขึ้นบัญชีดำห้ามทำธุรกรรมการเงินว่า ไม่ทราบสาเหตุ แต่คาดว่ามาจากการที่ตนเป็นบรรณาธิการหนัง สือพิมพ์วอยซ์ออฟทักษิณ ทำให้ถูกขึ้นบัญชีดำ ทั้งที่ตนไม่มีทรัพย์สินร่ำรวยอะไรเลย มีแค่เงินในบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ แค่ 12,000 บาท ทุกวันนี้ ยังต้องผ่อนบ้าน ส่งลูกเรียน ทำงาน อย่างสุจริตมาตลอด ไม่เคยขึ้นเวทีกลุ่มเสื้อแดงที่สะพานผ่านฟ้าฯ และราชประสงค์ ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงเป็นท่อน้ำเลี้ยง จึงเชื่อว่าศอฉ.เหวี่ยงแห ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุมาคุกคาม เพราะตอนที่ศอฉ.ประกาศรายชื่อบุคคลห้ามทำธุรกรรมการเงินรอบแรก ก็มีชื่อตนอยู่ พอมาประกาศชื่อรอบ 3 ยังมีชื่อตนออกมาอีก ขอให้ศอฉ.หยุดคุกคามได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนแถลงข่าว พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐ์ผล ผกก.สน.นางเลิ้ง เข้ามาเจรจากับนายสมยศ นาน 10 นาที เพื่อไม่ให้แถลงข่าวบริเวณที่ทำการมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย เนื่องจากเกรงว่าอาจมีความผิด เข้าข่ายกระทำการปลุกระดม มั่วสุมทางการเมือง ตามประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน
ขณะที่เจ้าหน้าที่ของพรรคระบุว่า ทางมูลนิธิไม่ได้อนุญาตให้เข้ามาใช้พื้นที่แถลงข่าว ซึ่งจากการเจรจานายสมยศได้ยอมออกจากที่ทำการมูล นิธิมาใช้ถนนด้านหน้าที่ทำการแทน ซึ่งระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมรับฟังการให้สัมภาษณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมาย
-เตือนอย่าเหมาเป็นผู้ก่อการร้าย
น.พ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ นายกสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงเหตุการจลา จลในพื้นที่กรุงเทพฯ ช่วงที่ผ่านมา ว่า เหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นมาจากกลุ่มคน 2 ประเภท คือ 1.กลุ่มก่อการร้ายมืออาชีพ เป็นพวกที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี มีอาวุธครบมือ และ 2.กลุ่มโกรธแค้นรัฐที่มีภาวะสองจิตสองใจต่อรัฐ กล่าวคือมุมหนึ่งทุกคนต้องพึ่งพารัฐ แต่อีกมุมหนึ่งก็ได้รับผลกระทบจากรัฐทั้งทางตรงและทางอ้อม อาทิ ความไม่เป็นธรรมจากภาครัฐด้านต่างๆ ยกตัวอย่าง ความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างการให้บริการของรัฐ อย่างคนจนและคนรวยจะได้รับการบริการที่แตกต่างกัน เป็นต้น
"ปัจจัยดังกล่าวเมื่อมาผสมผสานกับความพ่ายแพ้ในการเรียกร้องทางการเมือง ทั้งอิทธิพลกลุ่ม ความเป็นวัยรุ่น ทั้งหมดล้วนผลักดันให้เกิดการแสดงออกในภาวะสังคมไร้ระเบียบชั่วคราว โดยกลุ่มคนโกรธแค้นรัฐ สามารถพบได้ทุกประเทศ ที่สำคัญรัฐต้องรู้จักวิธีปฏิบัติกับพวกเขา อย่าให้เหมือนพวกก่อการร้าย เพราะหากยิ่งป่าวประกาศว่าเป็นผู้ก่อการร้ายจะยิ่งผลักดันให้พวกเขายิ่งโกรธเกลียดรัฐมากขึ้น และกลายเป็นกลุ่มก่อการร้ายได้ในที่สุด" น.พ.ยงยุทธกล่าว
-ช่อง 3 เริ่มออกอากาศแล้ว
น.พ.ยงยุทธ กล่าวว่า สิ่งสำคัญต้องทำให้พวกเขาอารมณ์เย็นลง พยายามให้เห็นว่า รัฐไม่นิยมความรุนแรง ต้องการเพียงควบคุมสถานการณ์ให้สงบเท่านั้น ขณะเดียวกันต้องบอกถึงโทษของการกระทำผิดว่า ร้ายแรงเพียงใด ทำให้พวกเขาเห็นว่า สังคมมีกฎระเบียบ ไม่สามารถทำอะไรตามใจชอบ และสร้างความเดือดร้อนให้สังคมได้ สำหรับประชาชนทั่วไปอยากให้มองแง่ดี ไม่อยากให้คิดแต่ในแง่ลบ ขณะนี้สิ่งสำคัญต้องรู้จักปรองดอง สามัคคี โดยเฉพาะในสื่อต่างๆ อย่างสื่ออินเตอร์เน็ต อยากให้มีการเชิญชวนให้ปรองดองกัน เพราะขณะนี้แต่ละฝ่ายพยายามใส่อารมณ์ต่อกัน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ถึงเวลาที่ต้องหันหน้า เข้าหากัน และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยที่ดี ทั้งการสร้างกติกาในการชุมนุมที่ปราศจากความรุนแรง รวมทั้งการเยียวยาภายหลังเหตุ การณ์ที่ต้องปฏิบัติอย่างเท่าเทียมทุกฝ่าย เป็นต้น
เวลา 11.30 น. สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เป็นรายการแรก เริ่มแพร่ภาพหลังปิดสถานีตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ค. น.ส.กรุณา บัวคำสี ผู้ประกาศข่าว แจ้งว่า ช่อง 3 จะเริ่มทดลองออกอากาศ จากนั้นเป็นการแพร่ภาพซีรีส์เกาหลี เรื่อง "สวรรค์ ลิขิตรัก" เพื่อทดสอบระบบแพร่ภาพ ก่อนเข้าสู่รายการจริงโดยประเดิมด้วยรายการ "เที่ยงวันทันเหตุการณ์" ในเวลา 13.45 น. รวมเวลาหยุดออกอากาศนาน 45 ชั่วโมง ภายหลังถูกกลุ่มคนเสื้อแดงบุกเผาทำลายเมื่อวันที่ 19 พ.ค.
-ทหารบุกค้นวัดปทุมฯ-จับ 5 นปช.
ก่อนหน้านี้ เวลา 07.30 น. ที่วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร นำกำลังเข้าเคลียร์พื้นที่ โดยตรวจสอบรถยนต์ที่จอดภายในวัดกว่าสิบคัน พบอาวุธหลายชนิดซุกซ่อนอยู่ท้ายรถกระบะ และอุปกรณ์การชุมนุม อาทิ เสื้อแดง และตีนตบ รวมทั้งยังพบอาวุธปืนสั้นแบบไทยประดิษฐ์ และยังสามารถจับกุมการ์ดนปช.หลบ อยู่ในวัดได้อีก 3 ราย จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารจึงให้การ์ดทั้ง 3 รายนี้ ช่วยลงค้นหาอาวุธภายในสระน้ำของวัด พบกระสุนปืนเอ็ม 60 ขนาด 7.6 ม.ม. เป็นกระสุนเครื่องสาย จำนวน 4 สายๆ ละ 100 นัด รวมแล้ว 400 นัด แต่ยังไม่พบเครื่องยิง
กระทั่งเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นกุฏิทุกหลังซึ่งอยู่ด้านหลังโบสถ์ จับกุมการ์ดนปช.ได้เพิ่มอีก 2 ราย คือ นายอุทัย โสดาพงศ์ และนายสมพงศ์ บังชม ที่แอบซ่อนตัวอยู่ในกุฏิของพระในวัด โดยนายสมพงศ์เป็นบุคคลหน้าตาคล้ายกับบุคคลในภาพสเกตช์ของตำรวจ สน.บาง พลัด ที่เข้าไปโยนระเบิดหน้าบ้านนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และคล้ายกับบุคคลที่เผาโรงหนังสยาม และบุกโรงพยาบาลจุฬาฯด้วย จึงนำตัวไปสอบปากคำอีกครั้งที่ ศอฉ.
-จับเมีย"ขวัญชัย"สอบเค้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ยังพบเครื่องเพชร เครื่องทอง และกล่องกำมะหยี่สำหรับใส่เครื่องเพชร 10 กล่องของร้านสยามเซ็นจิวเวลรี่อยู่ในรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีดำ แบบสามประตู ทะเบียน กต-6043 นครปฐม ที่จอดอยู่ข้างโบสถ์ และพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ซุกอยู่หน้ากระโปรง รถคันดังกล่าว 1 กระบอก จึงยึดไปตรวจสอบ รวมถึงจับกุมตัวภรรยานายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำ นปช. ที่เดินทางมาขอรับรถยนต์คืนที่จอดอยู่ภายในวัด เป็นรถเบนซ์ รุ่นอี 280 สีดำ ทะเบียน ฐต-3663 กทม. จากการค้นในรถพบเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม.จำนวนหนึ่ง ไม่พบอาวุธปืนจึงควบคุมตัวไปสอบสวน
นางอาภรณ์ ภรรยานายขวัญชัย กล่าวว่า ก่อนที่นายขวัญชัยจะมอบตัวได้มอบกุญแจรถให้ บอกให้มาเอารถที่จอดอยู่ในวัดจึงเดินทางมารับ ส่วนกระสุนปืนที่พบในรถ ไม่ทราบ ส่วนใหญ่มีเครื่องนอนของนายขวัญชัย สำหรับตนและนายขวัญชัยอยู่กินกันมากว่า 20 ปี นายขวัญชัยเป็นคนรักประชาธิปไตยจึงออกมาร่วมชุมนุมและเป็นแกนนำดังกล่าว ก่อนสลายการชุมนุมตนไม่สามารถติดต่อนายขวัญชัยได้ เพราะถูกตัดสัญญาณ ถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้พบหน้ากัน ทราบว่าถูกส่งไปคุมขังที่ค่ายนเรศวร
-เร่งรื้อเวทีราชประสงค์
ที่เวทีใหญ่ราชประสงค์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังคงเหลือโครงสร้างและเต็นท์ เนื่องจากไม่มีการขนย้ายออกไป โดยเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบในช่วงบ่าย และเริ่มขั้นตอนการเก็บกวาดต่อไป ส่วนที่สยามสแควร์ ผู้ประกอบการร้านค้าในย่านดังกล่าวเข้าตรวจสอบความเสียหายจากการถูกเพลิงไหม้และถูกทุบร้านเพื่อขโมยสินค้า พบว่าบางร้านได้รับความเสียหายอย่างหนัก ขณะที่บางร้านไม่ได้รับความเสียหาย เจ้าของร้านจึงทยอยเก็บสินค้าออกจากร้านเพื่อซ่อมแซม ทั้งนี้จะประชุมผู้ประกอบการในย่านดังกล่าวเพื่อพิจารณาความเสียหายและซ่อมแซม
เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวถึงการชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม 6 ศพว่า ส่วนมากถูกยิงเข้าที่หน้าอกและแผ่นหลังต้นแขนทะลุเข้าไปแก้ม ตรวจสอบพื้นที่พบอาวุธ เช่น ปืนเอ็ม 16 การเข้าเคลียร์พื้นที่พบระเบิดท่อพีวีซีจำนวนมาก รถ และพบถังเคมีที่ป้ายเวทีการชุมนุม ระเบิดเพลิงเยอะมากที่เราเจอหลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่ในจุดประกอบระเบิดและในระเบิดยังมีพริกป่นและหมามุ่ย
-ปจ.เคลียร์อนุสาวรีย์ชัยฯแล้ว
เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บรรยากาศโดยทั่วไปเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ มียานพาหนะสัญจรค่อนข้างมากในทุกเส้นทางที่มุ่งสู่อนุสาวรีย์ชัย ยกเว้นถนนราชวีถีที่ยังคงปิดการจราจรตั้งแต่อนุสาวรีย์ชัยฯไปจนถึงแยกใต้ทางด่วนดินแดง โดยมีตำรวจชุดปราบจลา จล 1 กองร้อย กระจายกำลังรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนและยานพาหนะที่สัญจรผ่านบริเวณดังกล่าว ส่วนเพลิงที่ลุกไหม้ภายในศูนย์การค้าเซ็นเตอร์วันดับมอดไปจนหมดแล้ว เหลือเพียงกลุ่มควันจางๆ ลอยออกจากอาคารดังกล่าวเท่า นั้น แต่ยังมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงคอยเฝ้าอยู่อย่างใกล้ชิดเพื่อคอยป้องกันหากเกิดเพลิงปะทุขึ้นอีก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กั้นบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่อันตราย เนื่องจากเกิดเพลิงไหม้ติดต่อกันเป็นเวลานานเกรงจะเกิดการทรุดตัวของอาคารดังกล่าว


ส่องวัด - ทหารกระจายกำลังบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ช่วงเวลา 18.30 น. วันที่ 19 พ.ค.วันปฏิบัติการสลายม็อบ โดยเล็งปืนลงไปยังวัดปทุมวนาราม ขณะมีคนเสื้อแดงชุมนุมอยู่จำนวนมาก

เบื้องต้นทราบว่า โครงสร้างของอาคารศูนย์ การค้าเซ็นเตอร์วันไม่ได้รับการกระทบกระเทือนจากเหตุเพลิงไหม้แต่อย่างใด เนื่องจากมีโครง สร้างที่แข็งแรง แต่ผ่านการใช้งานมานานหลายปีคาดว่าจะต้องทุบทำลาย เพื่อป้องการการทรุดตัว เช่นเดียวกับอาคารข้างเคียงที่เกิดเพลิงไหม้ทั้ง หมดที่ต้องทุบทำลายเนื่องจากเสียหายจากเพลิงไหม้อย่างมากจนไม่ปลอดภัย ขณะนี้รอเจ้าหน้าที่สมาคมวิศวกรรมสถาน และสำนักการโยธา กทม. เข้าตรวจสอบก่อน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงเข้าสำรวจความเสียหายของสายไฟฟ้าและหม้อแปลงไฟฟ้าในพื้นที่ตลอดถนนราชวิถี และถนนราชปรารภ เพื่อซ่อมแซมและเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ชำรุด คาดว่าจะจ่ายกระแสไฟฟ้าให้บริเวณดังกล่าวได้ก่อนช่วงค่ำ
-ดินแดง-ราชปรารภก็เคลียร์
ต่อมาเวลา 10.30 น. ทหารพร้อมอาวุธครบมือและรถฮัมวี่ติดอาวุธจำนวน 1 กองร้อย กระจายกำลังกันเคลื่อนจากเชิงสะพานข้ามแยกสามเหลี่ยมดินแดง ฝั่งอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิข้ามไปยังแยกใต้ทางด่วนดินแดง และตลอดถนนราช ปรารภ เพื่อตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด โดยพื้นที่บริเวณดังกล่าวยังมีกลุ่มควันที่เกิดจากการเผายางรถยนต์ และกองยางรถยนต์เก่าที่กลุ่มผู้ชุมนุมใช้ก่อสร้างเป็นบังเกอร์ และหลงเหลือคราบสีดำจากเขม่าในการเผายางรถยนต์ทั่วถนน เบื้องต้นไม่พบสิ่งแปลกปลอมที่จะเป็นอันตราย ส่วนบริเวณใต้สะพานข้ามแยกสามเหลี่ยมดินแดง พบรถแบ็กโฮถูกเพลิงไหม้จำนวน 2 คัน และมีกลุ่มคนงานของบริษัทไออีทีแอล ผู้รับเหมาจาก กทม. ให้ซ่อมแซมสะพานดังกล่าวก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุวุ่นวายใน กทม. กำลังขนวัสดุก่อสร้าง เช่นเหล็กเส้น และเครื่องมือต่างๆ กลับบริษัท
วิศวกรโครงการของบริษัทไออีทีแอลรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ที่ต้องรีบเข้ามาเก็บเครื่องมือและวัสดุดังกล่าวทันทีที่ทหารตรวจสอบพื้นที่จนปลอดภัยแล้ว เนื่องจากการซ่อมแซมสะพานดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ แต่เกิดเหตุวุ่นวายจึงต้องให้พนักงานทั้งหมดทิ้งพื้นที่และข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดไว้ในที่เกิดเหตุเพื่อหนีเอาชีวิตรอด แต่ขณะที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่มีรถซาเล้งมาลอบขนอุปกรณ์ของบริษัทออกไปขายเป็นจำนวนมาก เมื่อพื้นที่ปลอดภัยจึงต้องรีบมาเก็บเข้าบริษัทดังกล่าว ส่วนสภาพของสะพานดังกล่าวต้องรอให้วิศวกรของ กทม. มาตรวจสอบว่าเสียหายมากน้องเพียงไร แต่เท่าที่ตรวจสอบจากสายตาพบว่ามีความเสียหายมาก เพราะมีการเผาไฟสุมใต้สะพานดังกล่าวเป็นเวลานาน คงต้องตัดชิ้นเหล็กไปทดสอบว่ายังใช้งานได้หรือไม่ เบื้องต้นคาดว่าต้องสร้างใหม่ทั้งหมด แต่ต้องรอผลสรุปจาก กทม. ก่อน
-เจอระเบิดในโรงแรมเซ็นจูรี่
ต่อมาเวลา 12.30 น. ทหารที่ตรวจสอบพื้นที่ตามอาคารต่างๆ รอบพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดงพบระเบิดจำนวนหลายลูก โดยทั้งหมดเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุอยู่ในท่อพีวีซีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 นิ้ว ยาว 6 นิ้ว พบที่บริเวณด้านหน้าโรงแรมเซนจูรี่ ปาร์ค และที่ชั้น 7 แห่งละ 1 ลูก และชั้นที่ 18 อาคารชีวาทัย ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างใกล้กับโรงแรมเซนจูรี่ ปาร์ค จำนวน 3 ลูก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดของทหาร ตัดทำลายวงจรระเบิดจนอยู่ในสถานะที่ปลอดภัยแล้ว รอเพียงกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบและเก็บไว้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีเท่านั้น นอกจากนั้นนายทหารหัวหน้าชุดที่ตรวจพบระเบิดภายในอาคารชีวาทัยระบุว่าบริเวณที่พบระเบิดดังกล่าวยังพบกล่องข้าวและก้นบุหรี่เป็นจำนวนมาก เมื่อมองจากมุมดังกล่าววิถีกระสุนปืนที่ยิงต่อสู้กับทหารในเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเป็นวิถีเดียวกัน ทำให้ยืนยันได้ว่า จุดดังกล่าวมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายซุ่มอยู่เพื่อก่อการร้ายจริง
ต่อมาพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เข้าตรวจแถวตำรวจที่บริเวณแยกใต้ทางด่วนดินแดง โดยกำชับให้ตำรวจปราบจลาจลทุกนายในบริเวณดังกล่าว ร่วมกับทหารจาก พล.ม.1 เข้าตรวจพื้นที่ภายในซอยหมอเหล็ง จากนั้นให้สัมภาษณ์ ว่า ขณะนี้ทุกพื้นที่อยู่ในความปลอดภัยแล้ว ขณะนี้สนธิกำลังตำรวจทหารเพื่อตรวจพื้นที่อย่างละเอียดอีกครั้งก่อนที่จะรับมอบพื้นที่จากทหาร หลังจากนั้นคาดว่ากำลังทหารจะถอนออกนอกพื้นที่ และจะมอบพื้นที่ให้กทม. เข้าทำความสะอาด คาดว่าไม่เกิด 1-2 วันจะเปิดการจราจรในทุกเส้นทางได้ตามปกติ ส่วนเรื่องระเบิดที่พบในบริเวณโรงแรมเซนจูรี่ ปาร์ค และพื้นที่ใกล้เคียงนั้นยังไม่ได้รับรายงานแต่อย่างใด เบื้องต้นคาดว่าเป็นเพียงวัตถุต้องสงสัยเจ้าหน้าที่จึงยิงทำลาย
-ตร.บุกยึดสถานีวิทยุเสื้อแดง
ที่จ.ปทุมธานี เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณ์กุล รองผบช.ก. พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.อำนาจ จันทร์เจริญ รองผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.นราเดช ทิพย์รักษ์ ผกก.สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และกำลังเจ้าหน้าที่จาก ศอฉ. และ กทช.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปราบจลาจล 2 กองร้อย นำหมายค้นจากศาลอาญา เลขที่ 164 /2553 ลงวันที่ 21 พ.ค. 53 เข้าตรวจค้นสถานีวิทยุชุมชน เรด สกิล เรดิโอ ตั้งอยู่เลขที่ 90 ม.3 ซอยลำลูกกา 69 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา เนื่องจากสถานีวิทยุดังกล่าวนั้นเป็นสถานที่ออกอากาศเพื่อปลุกระดมมวลชนเพื่อก่อความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง
เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ไปถึงพบสถานีวิทยุชุมชนดังกล่าวนั้น เป็นบ้าน 2 ชั้นแบบครึ่งตึกครึ่งไม้ที่มีอาณาบริเวณประมาณ 1 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิดและปิดกุญแจรั้วบ้าน เจ้าหน้าที่ได้อ่านหมายค้นออกเครื่องขยายเสียงเพื่อให้เจ้าของบ้านหรือเจ้าของสถานีออกมารับหมายค้นแต่ไม่มีผู้ใดออกมา เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้คีมเหล็กตัดลูกกุญแจประตูรั้วก่อนจะเข้าไปภายใน ทั้งนี้ไม่พบว่ามีใครอยู่ภายในสถานีดังกล่าวแม้แต่คนเดียว
จากการตรวจค้นภายในสถานีวิทยุ พบว่ามีร่องรอยการขนย้ายสิ่งของจนภายในบ้านแทบไม่เหลือ โดยเฉพาะอุปกรณ์เกี่ยวกับการกระจายเสียงไม่หลงเหลืออยู่แต่อย่างใด พบเพียงเอกสารการเงิน ใบปลิว ตีนตบ น้ำมัน 3 แกลลอน ลวดหนาม โทรโข่ง รวมทั้งรถยนต์ 6 ล้อที่ใช้สำหรับเปิดเวทีเคลื่อนที่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
-ผงะซากปรักหักพังที่บ่อนไก่
ที่พื้นที่บริเวณบ่อนไก่ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ทหารเข้าเคลียร์พื้นที่ ปรากฏว่าสภาพโดยรวมในพื้นที่ถนนตลอดแนวถนนพระราม 4 ยังคงมีเศษขี้เถ้าและฝุ่นละอองจำนวนมาก ประชาชนที่อาศัยอยู่ต่างประสบปัญหาคัดจมูกและแสบตาเนื่องจากสูดดมควันและขี้เถ้าเข้าไป ขณะที่เกาะกลางถนนพระราม 4 บางส่วนได้รับความเสียหายจากการถูกไฟไหม้ ส่วนป้อมจราจรบริเวณแยกพระราม 4 แยกคลองเตย และบริเวณใต้ทางด่วนพระราม 4 พบว่าถูกเผาไหม้และถูกทุบกระจกได้รับความเสียหายทั้งหมด รวมทั้งตู้เอทีเอ็มและตู้โทรศัพท์สาธารณะตั้งแต่แยกพระราม 4 จนถึงบริเวณสวนลุมไนท์บาร์ซา ได้ถูกทุบและเผาทำลายทุกจุด ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงเช้าทางเจ้าหน้าที่ของกทม.นำรถบรรทุก 6 ล้อ จำนวนหลายสิบคันและรถเก็บขยะเข้าไปเคลียร์พื้นที่ ซึ่งมียางรถยนต์ถูกเผาและเศษกองขยะ ริมข้างทางตลอดถนนพระราม 4
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ธนาคารกรุงเทพ สาขาลุมพินี ซึ่งถูกผู้ชุมนุมจุดไฟเผามีสภาพเสียหายทั้งหลัง เจ้าหน้าที่ของธนาคารมาตรวจสอบและบันทึกภาพความเสียหายและรายงานไปยังสำนักงานใหญ่ รวมทั้งเก็บเอกสารบางส่วนที่หลงเหลืออยู่ ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาลุมพินี บริเวณด้านหน้าธนาคารถูกทุบกระจกเช่นกันและมีร่องรอยกระสุนปืนถูกยิงได้รับความเสียหาย แต่ด้านในมีการนำเก้าอี้ โต๊ะมากางกั้นเอาไว้เพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกบุกเข้าไป ขณะที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาลุมพินี ถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหลัง คาดว่าอาคารดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้ เนื่อง จากอาคารบางส่วนมีลักษณะแตกร้าวและผุกร่อน นอกจากนี้ด้านหน้าอาคารมีซากรถขยะที่ถูกไฟเผา
-สถานีรถใต้ดินก็เสียหายด้วย
ส่วนบริเวณการไฟฟ้านครหลวง สาขาคลอง เตย ที่ถูกไฟเผา พบว่าอาคารได้รับความเสียหายทั้งหลัง โดยยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในอาคารได้ แต่ได้มีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ามาเปลี่ยนสายไฟที่ถูกไฟไหม้ทั้งหมดเพื่อจะได้จ่ายไฟได้ตามปกติ
นายพรเทพ ทัญญพงศ์ชัย ผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวง ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางมาตรวจสอบความเสียหายว่า ตัวเลขความเสียหายของอาคาร รวมถึงความเสียหายทั้งหมดในขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธาธิการของกทม. เข้าไปสำรวจอาคารก่อน แต่เท่าที่ดู ไม่ว่าจะเป็นตู้เก็บสิ่งของและตู้เก็บเอกสารถูกไฟไหม้จนหมด หลังจากนี้ต้องรอตรวจสอบว่าอาคารดังกล่าวยังสามารถปรับปรุงนำมาใช้งานได้ต่อไปอีกหรือไม่ หากไม่สามารถใช้งานได้ การไฟฟ้าฯ พร้อมทุบทิ้ง เพื่อไม่เป็นอันตรายกับผู้ที่ผ่านไปมา ส่วนการจ่ายไฟตามจุดต่างๆ ในขณะนี้ อาทิ ย่านบ่อนไก่ สามารถจ่ายไฟให้ได้แล้ว เหลือเพียงย่านซอยงามดูพลี ที่ยังไม่สามารถจ่ายไฟได้ ทางเจ้าหน้าที่จะเร่งแก้ไข คาดว่าในช่วงบ่ายวันนี้จะจ่ายไฟได้ตามปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนบริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน คลองเตย พบว่าอยู่ในสภาพถูกไฟไหม้ทั้ง 2 ฝั่ง และถูกทุบกระจกได้รับความเสียหาย รวมทั้งทางด่วน สะพาน และป้ายบอกทางจราจรยังคงมีร่องรอยคราบเขม่าควันไฟหลงเหลืออยู่
-ปชช.เริ่มทยอยกลับที่พัก
ขณะที่ร้านทองที่ตั้งอยู่ย่านบ่อนไก่ อาทิ ห้างทองฉัตรทอง ยังอยู่ในสภาพปิดทำการและมีร่องรอยการถูกไฟเผา บริเวณหน้าร้านยังมียางรถยนต์วางอยู่ในบางส่วน ส่วนร้านทองเยาวราช สาขาลุมพินี และร้านสะดวกซื้อ "วัตสัน" ถูกไฟเผาอาคารทั้งหมด มีร่องรอยถูกงัดเข้าไปขโมยสิ่ง ของ เช่นเดียวกับร้านเซเว่นฯ สาขาพระราม 4 (บ่อนไก่) อยู่ในสภาพกระจกด้านหน้าถูกทุบได้รับความเสียหาย ภายในร้านพบว่าสิ่งของถูกขโมย หายไปหมด เหลือเพียงชั้นวางของที่ถูกวางทิ้งไว้ระเกะระกะ นอกจากนี้บริเวณแคชเชียร์เก็บเงินยังถูกรื้อค้นและโยนทิ้งไว้โดยไม่มีเงินเหลืออยู่เลย
ส่วนโลตัส เอ็กซ์เพรส สาขาบ่อนไก่ ก็ถูกไฟเผาได้รับความเสียหายทั้งหลัง ด้านหน้ายังมีร่องรอยการถูกทุบกระจกเพื่อเข้าไปขโมยสิ่งของด้านใน ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเดินทางมาเก็บซากพิสูจน์เพื่อนำไปตรวจสอบต่อไป ส่วนร้าน เซเว่นฯ สาขางามดูพลี ถูกไฟไหม้ทั้ง 2 คูหาเสียหายทั้งหลัง สำหรับสนามมวยลุมพินี พบว่าไม่ได้รับความเสียหายใดๆ แต่ยังคงปิดให้บริการ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทหารที่เข้ามาพักอาศัย รวมถึงอาคารลุมพินีทาวเวอร์ก็ไม่ได้รับความเสียหายเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศโดยทั่วไป ประชาชนที่พักอาศัยย่านบ่อนไก่และย่านงาม ดูพลี เริ่มทยอยขนสิ่งของเครื่องใช้กลับมาพักอาศัยตามเดิม ส่วนอาคารห้างร้านต่างๆ ผู้ประกอบการทยอยมาตรวจสอบความเสียหาย และวันเดียวกันนี้มีร้านค้าบางส่วนเริ่มเปิดให้บริการ
-เจ้าของกิจการบ่นเสียหายเยอะ
น.ส.นิภรณ์ เสโส อายุ 42 ปี เจ้าของร้านคาราโอเกะและอาหารตามสั่งย่านบ่อนไก่ กล่าวว่า ตนขายของบริเวณดังกล่าวมากว่า 10 ปี และไม่เคยพบเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น วันแรกที่ผู้ชุมนุมปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหาร พวกตนยังอาศัยอยู่ภายในร้าน ก่อนตัดสินใจย้ายไปอยู่บ้านญาติในวันที่สอง จากนั้นกลับมาตรวจสอบสภาพความเรียบร้อยของร้าน แต่เมื่อเปิดร้านเข้าไปพบว่าผู้ชุมนุมบางส่วนได้ทุบกระจกเข้าไปภายในร้านและนำสุรามานั่งดื่มกันภายในร้าน เมื่อตรวจสอบชั้น 4 พบว่ามีผู้ชุมนุมคนหนึ่งเข้าไปนอนพักภายในห้อง ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าพระเลี่ยมทองหนัก 2 บาท หายไป 2 องค์ และสิ่งของในร้านบางส่วนได้รับความเสียหาย จึงตัดสินใจย้ายไปพักบ้านญาติ ก่อนจะกลับมาในวันนี้ ขณะนี้รู้สึกแย่ ไม่คิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง หลังจากนี้คงไม่ย้ายไปไหนเพราะต้องทำมาหากิน
น.ส.นันทนีย์ พุมาทอง อายุ 45 ปี แม่ค้าขายน้ำบริเวณย่านบางดูพลี กล่าวว่า ตนหยุดขายของตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. เนื่องจากเดินทางมาถึงแล้วพบว่ามีการนำรถน้ำมันมาจอดอยู่บริเวณถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้กับตั้งร้านขายของ ทำให้ต้องหยุดขายของไปหลายวัน โดยตอนนี้ได้รับผลกระทบอย่างมาก ถึงขนาดไม่มีเงินซื้อข้าวกินและไม่มีเงินนำมาลงทุนค้าขายต่อไป หลังจากนี้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป
ขณะที่นายประสิทธิ์ ตรีวีรานุวัฒน์ อายุ 50 ปี เจ้าของปั๊มปตท.สาขาพระราม 4 กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบภายในปั๊มถูกทุบตู้เอทีเอ็มขโมยเงินไปทั้งหมด รวมถึงร้านเซเว่นฯ ก็ถูกทุบขโมยสิ่งของเช่นกัน ส่วนภายในสำนักงานของปั๊มยังถูกทุบ ขโมยตู้คอนโทรลไฟฟ้า โทร ทัศน์และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก โดยในวันที่ 14 พ.ค. ตนยังมาทำงานตามปกติแต่พบว่าเจ้าหน้าที่ทหารปิดถนนและเริ่มปะทะกับผู้ชุมนุม ตนจึงตัดสินใจหลบภายในปั๊มก่อน ขณะนั้นสังเกตเห็นว่ามีผู้ชุมนุมบางส่วนมาขโมยยางรถยนต์ในปั๊มเพื่อทำบังเกอร์ ต่อมาทหารได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้ามา ตนจึงเรียกลูกน้องภายในปั๊มให้มาหลบอยู่ในสำนักงานและปิดให้บริการ ก่อนที่จะอาศัยจังหวะหลบหนีออกนอกพื้นที่ในช่วงเย็น และมาทราบข่าวในทีวีอีกครั้งว่าผู้ชุมนุมนำรถน้ำมันที่มาส่งน้ำมันให้ปั๊มตนไปจอดขวางที่ถนนพระ ราม 4 ยืนยันว่าภายในรถน้ำมันไม่มีน้ำมันหลงเหลืออยู่ สภาพรถตอนนี้ หลังเกิดเหตุ ชาวบ้านได้ช่วยเข็นรถกลับมาจอดภายในปั๊ม มีสภาพถูกยิงได้รับความเสียหายรอบคัน แต่โชคดีที่กระสุนไม่ทะลุเข้าตัวถังน้ำมัน
-เจ้าอาวาสวัดปทุมฯเปิดแถลง
ที่วัดปทุมวนาราม พระธรรมธัชมุนี เจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ได้เปิดแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกลุ่ม นปช.เข้ามาหลบในวัดว่า เรื่องนี้ขอชี้แจงว่า กลุ่ม นปช.ได้เข้ามาปิดล้อมชุมนุมที่แยกราชประสงค์ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. เป็นต้นมา ทางวัดก็ได้รับความเดือดร้อนในการเดินทางเข้าออก เรามีการประสานงานกับทางแกนนำและการ์ดของกลุ่มผู้ชุมนุมในเรื่องการอำนวยความสะดวกในการเข้าออกของพระเณร ทางแกนนำก็มีการประสานในเรื่องการเข้ามาอาศัยใช้ห้องนน้ำห้องท่าบ้าง ทางวัดก็อยู่ในภาวะจำยอมต้องดำเนินการไปตามความจำเป็น เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลก็ดูแลไม่ได้
พระธรรมธัชมุนีกล่าวว่า ต่อมาในวันที่ 15 พ.ค. พอเริ่มมีกระแสข่าวว่าจะมีการสลายการชุมนุม ทางวัดได้รับการติดต่อจากนายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อขอให้วัดเป็นเขตอภัยทาน อาตมาก็ไม่ขัดข้อง แต่ขอให้มีการตรวจค้นอาวุธ อย่าให้เอาเข้ามาในเขตวัดเลย ซึ่งข้อตกลงนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ข่าวก็ออกไปคนก็เริ่มทะลักเข้ามาในวัด ตอนแรกก็เป็นผู้หญิงเด็กตอนหลังก็เข้ามากันหมด มีคนโทร.มาต่อว่าวัดว่าเป็นแหล่งซ่องสุม ของนปช. ซึ่งขอให้เข้าใจว่าไม่ใช่เราต้อนรับทุกคนวัดเราเป็นวัดเปิด ประชาชนสามารถเข้ามาได้ตลอด พอตอนสลายคนก็วิ่งเข้ามาในวัด เราไม่สามารถตรวจค้นได้หรอกว่าใครมีอาวุธหรือไม่ตอนนั้นวุ่นวาย อาตมาเพียงสั่งให้พระลูกวัด เจ้าหน้าที่อยู่แต่ภายในกุฏิ อย่าออกมาเพราะไม่รู้ใครเป็นใคร และไม่นึกว่าเหตุการณ์จะบานปลายอย่างนี้
-ทหารโวยเป็นนปช.-บุกค้นกุฏิ
พระธรรมธัชมุนีกล่าวว่า พอตอนเช้าเหตุ การณ์เริ่มคลี่คลายเราก็ประสานตำรวจให้รีบนำคนพวกนี้ออกไป ซึ่งตำรวจก็รีบดำเนินการ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารก็เข้าตรวจค้นพื้นที่ของ วัด เมื่อวานเป็นตำรวจ วันนี้เป็นทหาร อาตมาก็เปิดให้ค้น เพราะเพื่อความปลอดภัยของวัดเอง อย่างกุฏิอาตมา ตอนแรกทหารเคาะไม่มีคนเปิด เพราะอาตมาจำวัดอยู่ จนมีคนมาตามอาตมาลงไป ตอนแรกทหารเค้าบอกว่าวัดไม่ให้ความร่วมมือ อาตมาบอกไม่ใช่เข้าไปตรวจเลย เค้าก็แค่ดูๆ แต่ไม่ยอมขึ้นไปข้างบน บางคนบอกวัดนี้สนับสนุนเสื้อแดงจริงๆ ไม่ใช่ อาจจะเป็นเพราะที่วัดมีพระอีสานเยอะ ขอบอกว่าเราเป็นสถานปฏิบัติธรรม ไม่มีฝ่าย ตอนเสื้อเหลืองมาชุมนุม คุณจำลอง ศรีเมือง ก็มาเข้าห้องน้ำ นอนอยู่ที่นี่เหมือนกัน อยากให้คนมองวัดในแง่บวก เราไม่มีฝ่าย เหตุการณ์ครั้งนี้อาตมาจะได้นำไปปรับปรุงวัด อาจจะต้องมีประตูปิดเข้าออก ต้องมีเวรยามในการดูแลวัด เพื่อความปลอดภัย ส่วนคนตาย 6 คนนั้นทางวัดก็ไม่รู้เรื่อง เพราะช่วงมีเหตุการณ์ทุกคนอยู่แต่ในที่พักของตนเองไม่มีใครกล้าออกมา
-ระบุ 6 ศพถูกยิงหน้าวัดปทุมฯ
พระมหาสุริยันต์ ปภังกโร ผู้ช่วยเลขานุการวัดปทุมวนาราม เปิดเผยว่า ในวันที่เจ้าหน้าที่ทหารนำกำลังเข้าบุกยึดพื้นที่คืนบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ในช่วงบ่ายของวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา นั้นบรรยากาศภายในวัดแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่ขอเข้ามาหลบภัยมากกว่า 3,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เด็กและคนชราจำนวนมาก โดยผู้ชุมนุมส่วนใหญ่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นที่ภายในวัดและบริเวณพระอุโบสถและบนถนนภายในวัดก็เต็มไปด้วยรถยนต์ที่นำเข้ามาจอดจำนวนมาก กระทั่งเวลาประมาณ 13.00 น.ทางวัดได้ยินคำประกาศของนายจตุพรและนายณัฐวุฒิบนเวทีว่าจะขอยุติการชุมนุม ขอให้ผู้ชุมนุมไปรวมตัวที่สนามกีฬา ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ในพื้นที่การชุมนุมเริ่มตึงเครียด เพราะเสียงระเบิดดังขึ้นหลายลูก และเสียงปืน ทำให้ผู้ชุมนุมจำนวนมากกรูวิ่งเข้ามาหลบในวัดเพิ่มอีกหลายพันคนจนแน่น และเริ่มมีการเผาตึกในพื้นที่ราชประสงค์
พระมหาสุริยันต์ กล่าวอีกว่า กระทั่งเวลาประมาณ 18.30 น.กำลังทหารก็ได้บุกเข้ามาถึงบริเวณหน้าวัด ขณะนั้นมีผู้ชุมนุมยืนอยู่บริเวณริมรั้วจำนวนมาก โดยฝั่งขวาของทางเข้าวัดมีกลุ่มอาสาสมัครแพทย์นั่งอยู่กว่า 5 คน เพื่อเตรียมช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จนกระทั่งมีเสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันหลายนัด ขณะนั้นได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมทุกคนหลบเข้าไปในวัดเพื่อความปลอดภัย โดยเสียงปืนดังกล่าวดังมาจากนอกรั้วของวัด ไม่ทราบว่าใครยิง เพราะขณะนั้นทุกคนรวมทั้งพระและลูกศิษย์ต่างหลบอยู่ในกองอำนวยการ ไม่มีใครกล้าเปิดม่านออกไปดู ได้แต่ฟังเสียง ซึ่งได้ยินชัดมาก และช่วงนั้นก็ได้ปิดไฟในวัดมืดหมด และก็ไม่ได้ยินเสียงผู้ชุมนุมเลยเหมือนไม่มีคนอยู่ในวัด หลังเสียงปืนสงบทราบว่ามีผู้ชุมนุม และพยาบาลอาสา ที่นั่งอยู่ด้านหน้าถูกยิงเสียชีวิต 3 ศพ และผู้ชุมนุม 3 ศพ โดยทั้งหมดเสียชีวิตบริเวณภายในวัดจุดที่มีการขึงป้ายเขตอภัยทาน
-อส.เข้าไปช่วยคนเจ็บเลยถูกยิง
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ได้มีพยานคนหนึ่งขณะนั้นได้หลบซ่อนตัวอยู่ภายในวัด เปิดเผยว่า กำลังทหารที่เคลื่อนที่เข้ามาบริเวณสี่แยกราชประสงค์ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น พบว่ามีอยู่ 2 กลุ่มโดยมาจากพื้นด้านล่าง และบนรถไฟฟ้าบีทีเอส ขณะนั้นมีผู้ชุมนุมอยู่บริเวณภายในวัดด้านหน้าหลายร้อยคน เพื่อดูเหตุการณ์ รวมทั้งมีกลุ่มแพทย์อาสาด้วย หลังจากที่เจ้าหน้าที่เคลื่อนกำลังมาถึงหน้าวัดก็ได้ยินเสียงปืนยิงมาจากข้างบนรถไฟฟ้า แต่ไม่เห็นคนยิงหลายนัด ขณะนั้นก็เห็นมีคนตะโกนว่ามีคนถูกยิงตรงประตูวัด ก่อนที่แพทย์อาสาจะวิ่งเข้าไปช่วยดึงเข้ามาปฐมพยาบาลบริเวณเต้นท์ ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้นอีกชุดและถูกกลุ่มแพทย์อาสาจนเสียชีวิตรวม 3 คน และผู้ชุมนุม 3 คน
-พระแฉนาทีกราดยิงหน้าวัด
พระผู้ใหญ่ในวัดปทุมวนารามรูปหนึ่ง เปิดเผยว่า ได้รับการบอกเล่าเหตุการณ์จากผู้ชุมนุมที่หลบหนีเข้ามาภายในวัด ภายหลังที่แกนนำนปช.ประกาศสลายการชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ ก่อนเกิดการจลาจลเผาอาคารย่านราชประสงค์ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้หลบภัยเข้าไปภายในวัดปทุมวนาราม ซึ่งได้ประกาศเป็นเขตอภัยทาน แต่ในช่วงใกล้ค่ำ เหตุการณ์ได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น มีการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้วิ่งหลบหนีเข้ามาภายในวัดเป็นจำนวนมาก แต่ปรากฏว่าได้มีกลุ่มบุคคลลึกลับแต่งกายคล้ายทหาร แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 จำนวน 3-4 ราย ได้ใช้อาวุธปืนยาวยิงลงมาจากด้านบนสะพานลอยใต้รางรถไฟฟ้าบีทีเอส ยิงถูกผู้ที่วิ่งหลบเข้าไปในวัด
พระรูปดังกล่าวกล่าวต่อว่า กองกำลังกลุ่มที่ 2 จำนวนไม่แน่ชัด วิ่งไล่ตามมาบนถนนถึงหน้าวัด ก่อนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงจนมีผู้ล้มลง มีอยู่รายหนึ่งใช้อาวุธปืนพกสั้นชักออกมาจากข้างเอว ยิงกลุ่มผู้ที่หลบหนีจะเข้าวัดในระยะประชิดจนล้มคว่ำ ก่อนที่กลุ่มบุคคลลึกลับดังกล่าวอาศัยความชุลมุนวุ่นวายและความมืดหลบหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย
-ตายเกลื่อนตรงหน้าประตู
พระรูปดังกล่าวยังกล่าวด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุยิงผู้ชุมนุมแล้ว ผู้ที่อยู่ภายในวัดได้พบเห็นคนถูกยิงทำร้ายได้รับบาดเจ็บตรงปากประตูวัดหลายราย จึงได้เข้าไปช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่ามีบางรายเสียชีวิตไปแล้ว และบางรายทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา เป็นจำนวน 6 ศพ รวมทั้งมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
"ตอนนั้นรัฐบาลได้ประกาศเคอร์ฟิว อีกทั้งเป็นช่วงค่ำ ทำให้ไม่สามารถติดต่อให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมารับศพได้ วัดจึงได้อนุเคราะห์ให้เก็บศพไว้ พอถึงเช้าจึงให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบและเคลื่อนย้ายศพออกไป ทั้งนี้ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวหลายราย ล้วนแต่เป็นผู้ที่เข้ามาพักอาศัยภายในวัดทั้งสิ้น โดยทั้งหมดไม่กล้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ด้วยเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ส่วนใหญ่เดินทางกลับภูมิลำเนาหมดแล้ว"พระรูปเดิมกล่าว
-เผยวัดประดิษฐานพระบรมอัฐิ
สำหรับวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร อยู่ระหว่างศูนย์การค้าสยามพารากอนและห้างเซ็นทรัลเวิลด์ วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปพระเสริมศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูปสร้างพร้อมกันจำนวน 3 องค์ ได้แก่ พระเสริม พระใส และพระสุก โดยเฉพาะพระเสริมเป็นพระพุทธปฏิมาประธานในพระวิหาร นับถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์อีกองค์หนึ่ง มีพุทธศิลป์ที่งดงาม อัญเชิญเข้ามาในพระนครในรัชกาลที่ 4
นอกจากนี้ยังมีปูชนียวัตถุอีกอย่างหนึ่งคือ พระศรีมหาโพธิ์ ในพ.ศ.2407 สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งราชอาณาจักรอังกฤษ โปรดให้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ประเทศอินเดียเชิญหน่อพระศรีมหาโพธิจากพุทธคยา ซึ่งเป็นดินแดนที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ แทนที่จะเป็นหน่อพระศรีมหาโพธิจากลังกาดังเช่นในกาลอดีต
วัดปทุมวนาราม ยังเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิ พระราชสรีรังคารและพระอัฐิของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์หลายพระองค์ มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล สม เด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี และยังเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานมูลนิธิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
ในช่วงก่อนเหตุการณ์สลายการชุมนุมม็อบแดงที่ราชประสงค์ วัดปทุมวนารามได้ตั้งเป็นเขตอภัยทาน ด้วยข้อเขียนแผ่นผ้าที่ติดอยู่มีข้อความว่า "เขตอภัยทาน พื้นที่แห่งเมตตาและอภัย ห้ามพกพาอาวุธ สิ่งเทียมอาวุธ พึงละเว้นความเกลียด ความโกรธ โปรดตั้งจิตมั่นในสติ ขันติธรรม"
-ตร.ระบุมีแจ้งคนสูญหายอื้อ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ และพล.ต.ต.สัญชัย สุนทรบุระ รองโฆษกตร. ร่วมกันแถลงข่าวโดย พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า การเดินทางของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทางสตช. ดำเนินการเมื่อวานนี้ พบว่ามีจำนวน 3,560 คน จากการตรวจสอบเกือบทั้งหมดได้ถึงภูมิลำเนาเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงผู้ชุมนุมที่มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งคาดว่าจะถึงภายในวันนี้ จากนั้นชุดตำรวจมวลชนสัมพันธ์ ของโรงพักทุกพื้นที่พบว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมมาชุมนุมที่กรุงเทพฯ จะเข้าไปพร้อมด้วยหน่วยแพทย์ พยาบาล เพื่อไปพูดคุย ดูแลสภาพจิตใจ ตามนโยบายของรัฐบาล
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า มีประเด็นที่ตำรวจอยากจะขอความร่วมมือประชาชน โดยพบว่ามีประชาชนจำนวนมากได้โทรศัพท์มาสอบถามคนหาย ไปยังสถานีตำรวจต่างๆ สถานีวิทยุ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยอยากจะชี้แจงว่าหากนับไปวันนี้-วันอาทิตย์ หากญาติ หรือเพื่อน ยังไม่กลับมายังที่พัก หรือไม่ติดต่อมา เช้าวันจันทร์สามารถไปแจ้งความสถานีตำรวจ เพื่อลงบันทึกประจำวันได้ โดยนำรูปถ่ายล่าสุด อธิบายตำหนิรูปพรรณของผู้สูญหาย และบอกรายละเอียดว่าหายไปตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ เพื่อให้ตำรวจส่งมายังกองทะเบียนประวัติอาชญากร หรือ ทว.ตร. จากนั้น ทางทว.จะรวบรวม และออกตำหนิรูปพรรณ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน และประสานไปยังที่ทำการทุกแห่งและสถาบันนิติเวช ร.พ.ทุกแห่ง เพื่อเปรียบเทียบกับศพที่ยังไม่ทราบชื่อด้วย
-6ศพในวัดปทุมฯไม่พบหัวกระสุน
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวถึง ศพ 6 ศพที่ถูกยิงเสียชีวิตภายในวัดปทุมวนารามวรวิหาร ซึ่งเมื่อวันที่ 20 พ.ค. พบว่ามีชายไม่ทราบชื่อ 2 ราย ขณะนี้ ทราบชื่อชาย 1 รายแล้ว คือ นายอัครเดช ขันแก้ว อายุ 22 ปี ส่วนศพหญิงที่เสียชีวิตนั้นทราบชื่อจริงคือ น.ส.กมลฉัตร อัตฮาร์ด โดยขณะนี้ศพทั้งหมดได้ชันสูตรเสร็จสิ้นแล้ว โดย น.พ.พรชัย สุธีรคุณ รองผบก.สถาบันนิติเวช ร.พ.ตำรวจ และในจำนวนนี้ยังไม่ทราบชื่อเพียงศพเดียว สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตของ 6 ศพ ได้ถูกกระสุนปืนความเร็วสูง เข้าบริเวณด้านหลังและด้านข้างทั้งสิ้น ไม่มีจากด้านหน้า โดยทั้ง หมดได้ถูกกระสุนทำลายปอด ตับ หัวใจ และ 2 ใน 6 ศพ พบกระสุนบริเวณกะโหลกศีรษะ และทุกศพที่ญาติมารับแล้วนั้นไม่ได้ติดใจกับสาเหตุการตายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแพทย์ไม่พบหัวกระสุนที่อยู่ในศพ จึงต้องแจ้งกับพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุอีกครั้งหนึ่งเพื่อหาพยานอื่นมาประกอบโดยเฉพาะหัวกระสุนที่อาจทะลุศพตกไปที่เกิดเหตุ กองพิสูจน์หลักฐานกลางและพนักงานสอบสวน จะดำเนินการต่อไป
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ประกาศเคอร์ฟิวห้ามประชาชนออกจากบ้านตั้งแต่เวลา 21.00-05.00 น. ตำรวจจึงได้สนธิกำลังกับทหารในการตั้งด่านดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบเหตุร้าย หรือการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความรุนแรง แต่สิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นห่วง และพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. กำชับผ่านศปก.ตร.คือการตั้งด่าน และชุดเคลื่อนที่เร็ว ต้องระมัดระวังมากที่สุด กลุ่มบุคคลที่ออกมาทำลาย เผา ธนาคารร้านต่างๆ หรือการเผาซ้ำในที่เกิดเหตุแล้ว พร้อมกันนั้นจึงได้สั่งชุดปฏิบัติการต่างๆ บช.น.และตำรวจภูธร ใน 24 จังหวัด ที่มีการประกาศเคอร์ฟิว ได้ระมัดระวัง และทำงานอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับมอบจาก ศอฉ.ยังได้ดำเนินการในส่วนป้องกันและปราบปราม จับกุมตัวผู้กระทำความผิดยังทำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอาชญากรรมปกติ ที่ต้องดูแลด้วย
-ยังไล่ล่าแกนนำนปช.ที่หลบหนี
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ตำรวจไม่เข้มแข็งในการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้มีการเผาศาลากลางจังหวัด พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า ในการทำงานที่ผ่านมาตร.ได้รับนโยบายโดยตรงมากจากศอฉ. สำหรับการเผาสถานที่ต่างๆ รวมทั้งสถานที่ราชการในต่างจังหวัด ภายหลังแกนนำเข้ามอบ ตัว ศปก.ตร.ได้มีการกำชับให้มีการระมัดระวังเหตุร้ายต่างๆ หลังการชุมนุมสิ้นสุด หลังจากนี้ตำรวจนครบาลหรือตำรวจภูธรโดยเฉพาะจังหวัดที่มีการเผาราชการ อาทิ จ.ขอนแก่น หรือ อุดร ธานี ได้มีการพูดคุยกันเพื่อวางแผนระวังป้องกันโดยมีการสนธิกำลังกับทหารในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดูว่ามีข้อบกพร่องอย่างไรบ้าง ตามกระบวนการตรวจสอบที่จะต้องดำเนินการ หากพบว่าใครบกพร่องก็ต้องดำเนินการ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีการปฏิบัติงานของหลายหน่วยงาน ซึ่งตำรวจก็เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงการติดตามตัวแกนนำที่ยังคงหลบหนีอยู่ พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า ได้รับรายงาน พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดตามหมายจับ ยืนยันว่าได้จัดชุดไล่ล่าเพื่อติดตามจับกุม ซึ่งล่าสุดทราบว่าบางรายก็ได้เค้าลางที่ชัดเจนมากขึ้น บางส่วนมีการติดต่อประสานงานเข้ามอบตัวแล้ว ซึ่งหากมีการติดต่อเข้ามอบตัว ก็เหมือนคดีอาญาทั่วไปที่ตำรวจจะอำนวยความสะดวกเรื่องการประกันตัวให้ แต่หากไม่มอบตัวตำรวจก็คงต้องดำเนินการไล่ล่ากันต่อไป
-ปฏิเสธตร.ไม่ได้ช่วยเหลือ"กี้ร์"
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวระบุว่าที่นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำนปช.สามารถหลบหนีไปได้เพราะตำรวจช่วยเหลือ พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่มี ตำรวจมีหน้าที่อย่างเดียวคือจับกุมผู้กระทำความผิด ส่วนเรื่องภาพลักษณ์ของตำรวจนั้นตนคิดว่าแล้วแต่มุมมอง อย่างที่เรียนไปสิ่งไหนทำก่อนได้เราก็ทำทันที อะไรที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเราทำอย่างต่อเนื่อง แต่ในสถานการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาก็มีบางเรื่องที่ตำรวจไม่สามารถทำได้ตามอำเภอใจ แต่สิ่งไหนที่ยังทำไม่ได้โดยทันทีก็ต้องว่าไปตามกระบวน การ อย่างไรตำรวจก็พร้อมดำเนินการอย่างเต็มที่แม้จะได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศตรู ผบช.ก. กล่าวถึงการติดตามจับกุมนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำนปช. ว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากเจ้าหน้า ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือสตม. ว่ายังไม่ได้รับรายงานว่าพบ นายอริสมันต์ ออกนอกประเทศไปแต่อย่างใด จึงเป็นไปได้ว่า อาจยังอยู่ภายในประเทศ ซึ่งต้องติดตามจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้ ส่วนแกนนำรายอื่นๆ พบว่า มีทนายความของนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน มาติดต่อแล้วว่าจะเข้ามอบตัว
-ญาติเข้าเยี่ยมแกนนำนปช.ได้
ด้านพล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึง แกนนำนปช.ที่ถูกควบคุมตัวที่ค่ายนเรศวร อ. ชะอำ จ.เพชรบุรี ว่า ทั้งหมดไม่ใช่ถูกควบคุมตัวในฐานะผู้ต้องหา แต่เป็นถูกควบคุมตามพ.ร.ก. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มาตรา 11 (1) โดยญาติสามารถติดต่อขอเยี่ยมได้ แต่ไม่อนุญาตให้ผู้ชุมนุมเข้าเยี่ยม
ที่ศอฉ. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ. กล่าวถึงการเผยแพร่ภาพการควบคุมตัวบรรดาแกนนำนปช. ที่กินอยู่หลับนอนสบายไม่เหมือนผู้ต้องหาที่กระทำความผิดร้ายแรงว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจ รายละเอียดต่างๆ ต้องถามตำรวจ แต่โดยกฎระเบียบผู้ต้องหาเหล่านี้เมื่อถูกควบคุมตัวจะไม่สามารถติดต่อพูดคุยหรือแม้แต่เล่นเฟซบุ๊กติดต่อกับใครได้ มิเช่นนั้นจะมีประโยชน์อะไรต่อการสืบสวนสอบสวน นายกฯ และนายสุเทพ เน้นย้ำกับตำรวจไปแล้วว่าให้ดำ เนินการทุกอย่างอย่างรอบคอบ ส่วนเรื่องอนุญาตให้มีการเข้าเยี่ยมจากบุคคลภายนอกหรือไม่ หรือระหว่างที่ถูกควบคุมตัวจะอยู่ในสถานที่ใดนั้น เป็นอำนาจหน้าที่และดุลพินิจของตำรวจ เพื่อให้การดำเนินการทุกอย่างเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวน
-แฉ"กี้ร์"เผ่นกบดานที่พิษณุโลก
จ.พิษณุโลก พล.ต.ท.สุรสีห์ สุนทรศารทูล ผบช.ภ.6 ได้สั่งการไปยังตำรวจภูธรในพื้นที่ตำ รวจภูธรภาค 6 ในเขต 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ให้ทุกสภ.ในพื้นที่ที่มีถนนสายหลัก ตั้งด่านสกัดอย่างเข้มงวด ตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัย เนื่องจากมีรายงานข่าวแจ้งว่านายอริสมันต์กบ ดานในพื้นที่ภาคเหนือ ทางสถานีวิทยุ สภ.อำเภอต่างๆ ในจังหวัดพิษณุโลก ได้สั่งให้ตั้งด่านสกัดตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัย
นอกจากนี้ มีกระแสข่าวลือออกมาว่านาย อริสมันต์ได้หลบหนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก โดยเดินทางกลับมาพร้อมกับแกนนำเสื้อแดงพิษณุโลก โดยพล.ต.ต.ธรรมนูญ เพชร บุรีกุล ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก ระบุว่า ข่าวนายอริสมันต์ หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกนั้นยังเป็นข่าวที่กำลังตรวจสอบข่าวในเชิงลึกว่าอยู่กับใครในพื้นที่ และได้สั่งการให้แต่ละสถานีตำรวจตั้งด่านสกัด พร้อมกับให้หน่วยข่าวสืบหาอย่างเข้มข้น
-ร้านค้าย่านประตูน้ำเริ่มคึกคัก
ที่บริเวณศาลาแดง ตลอดทั้งวันถนนเส้นพระราม 4 มีเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้านครหลวง และเจ้าหน้าที่กทม. ลงพื้นที่ตามจุดต่างๆ เพื่อซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภคให้กับประชาชน โดยบริเวณแยกบ่อนไก่ ซึ่งมีการทำลายสถานีย่อยของการไฟฟ้านครหลวง คลองเตย ทำให้สายไฟฟ้าแรงสูงได้รับความเสียหายทั้งหมด เจ้าหน้าที่ต้องเปลี่ยนสายไฟใหม่ให้สามารถจ่ายไฟให้ประชาชนได้ตามปกติ ขณะที่การจราจรบริเวณทางด่วนพระรามที่ 4 ทั้งขาขึ้นและขาลง ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ มียางรถยนต์วางขวางอยู่จำนวนมาก ต้องเคลียร์พื้นที่และทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อน แต่เจ้าหน้าที่ยังเปิดให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงใช้สัญจรได้ชั่วคราวจนกว่าเปิดเส้นทางปกติ ส่วนบริเวณปากซอยงามดูพลี ชาวบ้านทยอยเก็บกวาดและทำความสะอาดบ้านพัก มีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงเข้ามาซ่อมแซมสายไฟที่ถูกเพลิงลุกไหม้จนเสียหาย
บริเวณประตูน้ำ บรรยากาศเริ่มกลับมาคึกคัก ร้านขายเสื้อผ้า ทยอยเปิดให้บริการแล้วบางส่วน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าบริเวณย่านที่พักอาศัย ถ.ราช ปรารภยังคงปิดเงียบอยู่ หลายครอบครัวไม่มั่นใจในความปลอดภัย และยังไม่ย้ายกลับมา แม้มีกำลังทหารและตำรวจสนธิกำลังดูแลความปลอด ภัยอยู่ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ทหารระบุว่าขณะนี้กำลังเร่งเคลียร์พื้นที่บนตึกสูง คาดว่าจะเรียบร้อยภายในไม่เกินวันพุธที่ 26 พ.ค. ส่วนร้านค้าภายในตึกใบหยก คาดว่าน่าจะเปิดค้าขายได้วันที่ 24 พ.ค.
-กทม.ทำความสะอาดบ้างแล้ว
นายถนอม อ่อนเกตุพล โฆษก กทม. ให้สัมภาษณ์ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงส่งมอบพื้นที่คืนให้กทม.เพียง 2 จุด คือ บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 ที่สวนลุมพินี และบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ภายหลังเจ้าหน้าที่เข้าไปทำ ความสะอาดพบวัตถุอันตรายหลงเหลืออยู่ อาทิ ระเบิดปิงปอง ขณะเข้าไปเก็บกวาดมีกระสุนเอ็ม 79 ตกลงมา เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ ตาม รับแจ้งจากศอฉ.ว่าช่วงเย็นเดียวกันวันนี้จะส่งมอบพื้นที่เพิ่มเติมให้กับกทม. ขณะเดียวกันเตรียมประกาศให้กทม.เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ เพื่อให้ การช่วยเหลือทำได้รวดเร็วมากขึ้น ขณะนี้มีงบฉุก เฉินที่สามารถนำมาใช้ช่วยเหลือ 100 ล้านบาท
-ห้างเซนต้องก่อสร้างใหม่หมด
วันเดียวกัน นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา และเซ็นทรัลเวิลด์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในเบื้องต้นพบว่า พื้นที่โซนพลาซ่าของเซ็นทรัลเวิลด์ ไม่น่าจะกระทบโครงสร้างหลัก ในขณะที่กระทบโรงหนังเพียงเล็กน้อย ส่วนโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ไม่กระทบ ทำให้คาดว่าบริษัทจะใช้เวลาปรับปรุงศูนย์การค้าในส่วนของโซนพลาซ่าที่ได้รับความเสียหายบางส่วนทั้งหมดไม่เกิน 6 เดือนจึงจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ซึ่งในเบื้องต้นประเมินว่าจะนำเงินจากที่ได้ประกันภัย วงเงินรวมประมาณ 16,500 ล้านบาทมาใช้ปรับ ปรุง แต่ต้องรอกรมการประกันภัยตีความจะได้รับเงินทั้งหมดหรือไม่ ในส่วนของความเสียหายทั้งหมด คือ ห้างสรรพสินค้าเซน ซึ่งต้องสร้างใหม่ทั้งหมด และคาดว่าจะใช้เวลามากกว่า 6 เดือนจึงจะเปิดให้บริการได้อีกครั้ง พร้อมกันนี้คาดว่างบประมาณการก่อสร้างใหม่น่าจะใกล้เคียงกับที่ทำประกันไว้ 3,500 ล้านบาท
สำหรับพนักงานของบริษัทนั้น ทางเซ็นทรัลยังคงจ่ายเงินเดือนให้ตามปกติ และพยายามกระ จายพนักงานไปทำในสาขาอื่นๆ แต่พนักงานที่ได้ค่าแรงรายวัน อาจได้รับผลกระทบหนัก นอก จากนี้จะทบทวนการยืดระยะเวลาการปรับปรุงเซ็นทรัลลาดพร้าวออกไปก่อน จากกำหนดปิดให้บริการล่าสุดในวันที่ 30 พ.ค.นี้ ยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้ แต่เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยเหลือด้านการเงินของบริษัท
-ยังสรุปมูลค่าเสียหายไม่ได้
นอกจากนี้ในวันที่ 21 พ.ค.นี้ศูนย์การค้าเซ็น ทรัลทุกแห่งได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังจากปิดให้บริการต่อเนื่องมา 2 วันที่ผ่านมาเนื่อง จากเหตุจลาจลในกรุงเทพฯ โดยศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และศูนย์การค้าในจังหวัดเชียงใหม่, อุดรธานี, ขอนแก่น และชลบุรี จะเปิดให้บริการในเวลา 11.00 น. และปิดให้บริการ ในเวลา 18.00 น. ขณะที่ศูนย์การค้าที่พัทยาจะเปิดให้บริการในเวลา 11.00 น. และปิดให้บริการในเวลา 20.00 น.
ด้านนายอลัน นามชัยศิริ กรรมการผู้จัดการ ห้างสรรพสินค้าเซน กล่าวว่า ในนามของผู้บริหาร ห้างสรรพสินค้าเซน ในเครือบริษัทเซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ขอขอบคุณท่านสื่อมวลชนทุกท่าน ที่กรุณาได้ติดตามข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับห้างฯ เซน ตลอดจนได้แสดงความเสียใจต่อความสูญเสียและได้ให้กำลังใจ ซึ่งทุกข้อความที่ทุกท่านได้ส่งมายังตนหรือทีมงานนั้นรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ในส่วนประเด็นที่ทุกท่านมีคำถามหรือต้องการทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น มูลค่าความเสียหาย, ทั้งในส่วนของห้างฯ ร้านค้าต่างๆ ตลอด จนโครงสร้างของตัวอาคาร และแผนฟื้นฟูนั้น เนื่องจากขณะนี้ทางกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่ในบริเวณดังกล่าว ทางห้างฯ จึงไม่สามารถจะประเมินหรือให้ข้อมูลต่างๆ ได้อย่างชัดเจน และหากสามารถสรุปข้อมูลต่างๆ ได้เรียบร้อยแล้วจะแจ้งให้ได้รับทราบเป็นลำดับต่อไป
-"บีทีเอส-เอ็มอาร์ที"เปิด 23 พ.ค.
วันเดียวกัน พล.ต.ชาติชาย ประดิษฐ์พงษ์ ผอ.งานส่งเสริมและเผยแพร่กิจกรรม บริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน เอ็มอาร์ที ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย พบว่ามีทั้งหมด 6 จุด คือ สถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 4 จุด คลองเตย 2 จุดในขณะที่บีทีเอส เสียหายทั้งหมด 3 จุด คือสถานีราชดำริ สถานีชิดลม และสถานีสยาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟใต้ดินเอ็มอาร์ที จะเปิดให้บริการทดสอบในวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ค. 53 และเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในวันจันทร์ที่ 24 พ.ค. 53 เพื่อให้ทันกับการเปิดภาคเรียน
-พบศพบนชั้น 4 เซ็นทรัลเวิลด์
บ่ายวันเดียวกัน ร.ต.ต.สุวพงษ์ ทองประไพ พงส. สบ1 สน.ปทุมวัน รับแจ้งเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงซึ่งเข้าเคลียร์พื้นที่ภายในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ บริเวณชั้น 4 โซนซี พบศพชายอยู่ภายใน จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม ด้วย เจ้าหน้าที่พฐก. สภาพศพชายนอนคุดคู้ เนื้อตัวเริ่มเน่าอืด อยู่ภายในร้านจำหน่ายโทรศัพท์โซนี่อีริคสัน ภายในส่วนของโกดังสินค้า ไม่สวมเสื้อ ใส่กางเกงยีนส์ ลักษณะใช้เสื้ออุดจมูกอยู่ ภายในตัวมีเงินสดติดตัว 3 พันบาท พบบัตรประชาชน ชื่อ นายกิตติพงษ์ สมสุข อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 ม. 9 ต.หว่านคำ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ เบื้องต้นนำศพชันสูตรสถาบันนิติเวชวิทยา ร.พ. ตำรวจ คาดเสียชีวิตจากการสำลักควันไฟ
ต่อมาเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.ธีร์รัฐ ทิพย์นพนนท์ รองผกก.หน่วยปฏิบัติการใต้น้ำ พร้อมด้วยตำรวจน้ำ 8 นาย เข้าดำน้ำในคลองแสนแสบ บริเวณท่าเรือประตูน้ำ เพื่อค้นหาอาวุธที่คาดว่ากลุ่มก่อการร้ายแอบซ่อนอาวุธไว้ แต่ไม่พบแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ทีมสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ นำทีมตรวจสอบรถกระบะนิสสัน สีน้ำเงิน ทะเบียน นน 7690 กทม. จอดอยู่ถ.ราชดำริ หน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ใกล้กับห้างบิ๊กซี ด้านหลังรถกระบะ พบกล่องกระดาษภายในพบระเบิดซีโฟร์พร้อมใช้งาน โดยชุดเก็บกู้นำไปแถลงข่าว ด้านหน้ารถมีทะเบียนอีก 1 แผ่น คือ 1ย-7690 กทม. เบื้องต้นเจ้าหน้าที่บอกว่า หากใครพบรถต้องสงสัยให้แจ้งไปยัง 191 เพราะอาจเป็นคาร์บอมบ์ได้

สมภารวัดปทุมยัน (ต่อจากข่าวหน้า1)
-ศอฉ.ย้ำห้าม"จตุพร"บินนอก
วันเดียวกัน ที่ร. 11 รอ. นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาในพื้นที่เพื่อแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง วันนี้ ศอฉ.ประชุมเพื่อวางมาตรการคลี่คลายสถานการณ์ โดยเรื่องแรก ศอฉ.จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจ มีกองกำลังจากทหาร ตำรวจและฝ่ายพลเรือน จาก 3 เหล่าทัพ พร้อมเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยกทม. เพื่อดูแลพื้นที่ในเขตกทม. เจ้าหน้าที่จะเข้าไปคุ้มครอง เยียวยาประชา ชนเพื่อให้เกิดความสงบ ดูแลไม่ให้เกิดการก่อวินาศกรรมต่างๆ จัดตั้งสายตรวจร่วมระหว่างทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย และเมื่อสภาพพื้นที่ปกติจะคืนพื้นที่ให้กับตำรวจดูแลต่อไป
นายปณิธาน กล่าวว่า ศอฉ.อนุมัติตั้งศูนย์ช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ โดยมีที่ตั้งที่ศอฉ. เปิดทำงานเวลา 15.00 น. เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์ ลงทะเบียนผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ มีเจ้าหน้าที่จากสำนักนายกฯช่วยประสานกับเจ้าหน้าที่ศอฉ.
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.จึงประกันตัวได้ นายปณิธาน กล่าวว่า ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ใครมีเอก สิทธิ์ส.ส.คุ้มครองในการประกันตัว ต้องประสานกับสภา ส่วนที่ห้ามเดินทางไปต่างประเทศเป็นไปตามข้อกฎหมาย
-รับมีคนต่างด้าวแต่งชุดทหาร
นายปณิธาน กล่าวว่า ศอฉ.พร้อมที่จะปรับข้อกำหนดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ต้องดูความเป็นจริงในพื้นที่ วันนี้สามารถเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์แล้วและทยอยนำของกลางที่ยึดได้ออกมาแล้ว และทยอยเปิดสาธารณูปโภคแล้ว มีหลายพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่เข้าไปเคลียร์แล้วและจะคืนพื้นที่เช่นที่สวนลุมพินี เมื่อถามว่าวันที่ 24 พ.ค. ประชาชนทำงานได้ตามปกติหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ต้องดูความเป็นจริง ยังมีข่าวว่ามีการประกาศให้เคลื่อนไหวนอกกรอบเป็นขบวนการใต้ดิน หมายความว่ากิจกรรมที่ลงใต้ดินมีจริง
เมื่อถามว่ามีชายแต่งชุดทหารเข้าพื้นที่ชุมนุม แต่ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ นายปณิธาน กล่าวว่า ยังอยู่ในขั้นการยืนยัน แต่มีคนพบชาวต่างชาติอยู่ในพื้นที่ มีการตั้งข้อสังเกตมานาน ขณะนี้มีพยานพบเห็นและมีการยืนยัน จากชาวบ้านในชุมชนว่าพบเห็นแต่ต้องรอให้ศอฉ.แถลง
เมื่อถามว่าคนเหล่านี้ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมและมีการใช้อาวุธด้วยหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า มีการปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ส่วนการใช้อาวุธขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ เบื้องต้นมีพยานพบเห็นบุคคลเหล่านี้ มีทั้งภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหวของชาวต่างชาติ แต่ในชั้นนี้กำลังตรวจสอบอยู่เพราะมันมีข้อเท็จจริงหลายอย่างที่ต้องตรวจสอบ มีทั้งร่วมโดยสมัครใจ หรือชุกจูงมา มีการจัดตั้ง
-หวั่นเกิดสงครามกองโจร
เมื่อถามว่ามีข่าวว่ามีการจ้างกองกำลังต่างชาติเข้ามาไม่ว่ากลุ่มว้า กลุ่มคนกัมพูชา ตรงนี้สอด คล้องกับการข่าวของรัฐบาลหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ชุมนุมจำนวนมากออกจากพื้นที่ เจ้าหน้าที่สอบปากคำไปบ้างแล้ว กำลังรวบรวมหลักฐานอยู่ ข้อเท็จจริงจึงต้องรอการยืนยันในชั้นสอบสวน
เมื่อถามว่ารัฐบาลมีการประเมินว่าสงครามกองโจรจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ศอฉ.ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้า แนวทางแรกของรัฐบาลคือเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และประเทศต่างๆที่ให้พ.ต.ท.ทักษิณ ดำเนินกิจการต่างๆอยู่ ขอให้ยุติการอำนวยความสะดวก 2.เจ้าหน้าที่ศอฉ.จะทำความเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีจุดมุ่งหมายทำร้ายประชาชนที่มาร่วมชุมนุม 3.มีความพยายามจากรัฐบาล เพื่อดึงเอาคนที่มีบทบาททางการเมืองเข้าสู่กระบวนการ เพราะไม่ต้องการให้พวกเขาลงสู่ขบวนการใต้ดิน 4.ฝ่ายความมั่นคงยังทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลกองกำลังติดอาวุธ เพราะขณะนี้ยังไม่มีการสลายตัว อาจมีแนวคิดก่อวินาศกรรม ลอบทำร้าย โดยไม่เปิดเผยตัว เปลี่ยนจากการชุมนุมกลุ่มใหญ่เป็นกลุ่มย่อย เปลี่ยนจากการพบปะในกทม.ไปในพื้นที่ต่างจังหวัด
-ให้บัวแก้วชี้แจงนานาประเทศ
เมื่อถามว่าเป็นห่วงความเคลื่อนไหวใต้ดินหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงกำลังติดตามสถานการณ์และจัดการทำงานไปรอง รับตรงนั้นอยู่ เพราะกลุ่มคนติดอาวุธนี้ ยอมรับว่ายังไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด ดังนั้นอาจต้องปรับเปลี่ยนแนวทางใหม่ ต้องระวังมากขึ้น ต้องดูทุกพื้นที่ที่มีความเคลื่อนไหว แต่เป้าหมายส่วนใหญ่จะเป็นในกรุงเทพฯ ในต่างจังหวัดอาจมีบ้าง แต่ขณะนี้เป้าหมายเปลี่ยนไปไม่ใช่การก่อวินาศ กรรมขนาดใหญ่ แต่เป็นการสร้างความสนใจ ทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเราต้องควบคุมให้ได้
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะเชิญทูตมาชี้แจงได้เมื่อไหร่ นายปณิธาน กล่าวว่า ศอฉ.ได้ให้แนวทางกับปลัดกระทรวงการต่างประเทศแล้ว เชื่อว่าจะเชิญทูตประเทศต่างๆ รวมทั้งทูตทหารมารับทราบ สิ่งที่เรากังวลคือมีการรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักที่บอกว่านายกฯไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติ และเลยไปไกลถึงขนาดว่านายกฯพูดภาษาไทยไม่ชัด ไม่เข้าใจคนไทยและมีสำเนียงภาษาต่างชาติ ซึ่งเราต้องชี้แจงต่างชาติอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
-เร่งหมายจับ"แม้ว"ก่อการร้าย
เมื่อถามว่าความผิดปกติตรงนี้เกี่ยวข้องกับที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่จ้างมาเป็นที่ล็อบบี้ยิสต์หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า เรื่องนี้ศอฉ.หยิบยกมาพูดคุยกันและติดตามดูพฤติกรรมเหล่านี้ จริงๆแล้วนายกฯพูดภาษาไทยได้ชัดที่สุดคนหนึ่ง ส่วนจะเป็นผลมาจากบริษัทล็อบบี้ยิสต์นี้หรือไม่ กำลังดูอยู่ ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงสำนักข่าวต่างประเทศเหล่านั้นแล้ว
เมื่อถามว่าหากวันจันทร์ที่ 24 พ.ค. ศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับพ.ต.ท.ทักษิณ ข้อหาก่อการร้าย การประสานกับต่างประเทศเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวจะง่ายขึ้นหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า คงจะเข้มข้นขึ้นเพราะเป็นข้อหาที่ร้ายแรง การประสานจะเข้มข้นขึ้นและเป็นระบบมากขึ้น เรามีสนธิสัญญาหรือการต่อต้านการก่อการร้ายข้ามชาติอยู่แล้ว เมื่อถามว่าได้วิเคราะห์ถึงการที่พ.ต.ท. ทักษิณ พูดว่าจะยังสนับสนุนการชุมนุมอยู่หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า กรณีนี้เรากังวลและกำลังดูอยู่
-องค์กรนานาชาติจวกรบ.ไทย
องค์กรนานาชาติยังคงแสดงปฏิกิริยาต่อเหตุ การณ์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ในส่วนขององค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรต์วอตช์ ออกแถลงการณ์อีกครั้งว่า การนำตัวแกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงไปไว้ในสถานที่ลับในค่ายทหาร แทนที่จะเป็นเรือนจำ อาจทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนหลายด้าน เสี่ยงต่อการถูกทรมานหรือล่วงละเมิดอื่นๆ เนื่องจากทหารขาดการ อบรมในด้านกฎหมายพลเรือน
"ผู้ถูกจับกุมควรถูกนำตัวไปปรากฏตัวต่อผู้พิพากษา เพื่อตั้งข้อหาทางคดีอาญา หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องปล่อยตัว" เอเลน เพียร์สัน รักษาการผู้อำนวยการฮิวแมนไรต์ฯ กล่าว หลังจากองค์กรเพิ่งแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเปิดข้อมูลถึงสภาพและที่กักกันผู้ชุมนุมที่ถูกจับตัวไปด้วย
-สหภาพยุโรปจี้เลิกใช้อาวุธ
ที่เมืองสตาร์สบูร์ก ประเทศฝรั่งเศส สมาชิกรัฐสภาสหภาพยุโรปเรียกประชุมด่วนเพื่อหารือถึงวิกฤตการณ์ในประเทศไทย ก่อนลงมติเป็นถ้อยแถลงเตือนว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่รัฐเป็นภัยต่อประชาธิปไตย จึงขอให้รัฐบาลไทยใช้กองกำลังในจำนวนน้อยเท่านั้น ตามหลักการพื้นฐานของสหประชาชาติ เจ้าหน้าที่จะต้องใช้วิธีการที่ไม่รุนแรงก่อนจะใช้กำลังและอาวุธ และจะต้องใช้ความอดกลั้น ดำเนินมาตรการที่เหมาะสม ตระ หนักถึงความร้ายแรงของการโจมตี
ในส่วนของการประกาศภาวะฉุกเฉิน สมาชิกสหภาพยุโรปเรียกร้องให้รัฐบาลไทยทำให้แน่ใจว่า การประกาศใช้นั้นจะต้องไม่นำไปสู่การจำกัดสิทธิ์ขั้นพื้นฐานและเสรีภาพส่วนบุคคล และขอให้ยุติการเซ็นเซอร์และจำกัดสิทธิ์ของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเริ่มการเจรจาเพื่อให้เกิดข้อกำหนดของการเจรจาขึ้นโดยเร็ว เพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ด้วยวิธีการสันติและเป็นประชาธิปไตย
-จี้รัฐบาลเคารพสิทธิมนุษยชน
ในมติดังกล่าว ยังระบุข้อความว่า สภายุโรปขอร่วมรู้สึกเช่นเดียวกับคนไทยและทุกครอบครัวที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านๆ มา
ด้านนางแคธรีน แอชตัน หัวหน้าฝ่ายกิจการต่างประเทศ สหภาพยุโรป กล่าวเรียกร้องรัฐบาลไทยเคารพสิทธิมนุษยชน หลังใช้กำลังสลายผู้ชุมนุม เพราะความรุนแรงไม่เคยแก้ปัญหาใดๆ ได้ รังแต่จะทำร้ายประเทศไทยและคนไทย ทำให้ความแตกแยกร้าวลึกมากกว่าเยียวยา ตนเสียใจอย่างที่สุดต่อความสูญเสียในชีวิตที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ และในประเทศไทย
-ตร.ย้ำโทษเผากรุงถึงประหาร
เวลา 19.00 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. แถลงว่า ศอฉ.และบช.น. มี 2 เรื่องที่จะชี้แจง กรณีที่มีคนร้ายเน้นว่าเป็นคนร้ายออกมาวางเพลิงเผาทรัพย์สินราชการ เอกชน บุคคลที่กระทำการเช่นนั้นจะมีโทษมีความผิด กรณีวางเพลิงเผาทรัพย์สถานที่ราชการ เช่น ศาลากลางจังหวัด สำนักงานป.ป.ส.หรือเผาสถานที่โรงมหร สพ กฎหมายมีบทบัญญัติโทษไว้สูงมาก ซึ่งตามประมวลกฎหมาย มาตรา 218 มีโทษถึงประหารชีวิต หรือจำคุก 5-20 ปี ส่วนการวางเพลิงเผาทรัพย์ของเอกชน เช่น รถยนต์ ห้างร้าน กฎ หมายวางโทษไว้สูงเช่นกัน จำคุก 6 เดือนถึง 7 ปี มีโทษปรับด้วย แม้จะวางเพลิงเผาทรัพย์ตัวเอง เช่น นำยางรถยนต์มาเผา ถือว่าเป็นความผิด มีอัตราโทษไม่เกิน 10 ปี มีโทษปรับด้วย
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า แม้เป็นขั้นเตรียมการจะไปวางเพลิงเผาทรัพย์ ถึงจะยังไม่ได้ลงมือกระทำ เช่น ไปซื้อน้ำมันตั้งใจเผาแต่ยังไม่ทันลงมือ มีอัตราโทษจำคุก 2 ใน 3 ของความผิดนั้น สำหรับนักฉวยโอกาส เมื่อเกิดอัคคีภัยแล้วเข้าไปลักทรัพย์ จะมีโทษมากกว่าการลักทรัพย์ปกติ
ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหา นคร (ศูนย์เอราวัณ) รายงานตัวเลขผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต จากเหตุขอคืนพื้นที่แยกราชประสงค์และพื้นที่อื่น ยอดเฉพาะผู้บาดเจ็บ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 มีผู้บาดเจ็บ 112 คน เสียชีวิต 15 ราย ยอดรวมตั้งแต่วันที่ 14-21 พ.ค. ผู้บาดเจ็บ 413 คน เสียชีวิต 53 ราย รักษาตัวในไอซียู 16 คน หอผู้ป่วยทั่วไป 162 คน กลับบ้านแล้ว 236 คน ทั้งนี้ยอดดังกล่าวยังไม่รวมผู้เสียชีวิตในซากตึกเซ็นทรัลเวิลด์อีก 1 ศพ
-สุรชัยเตรียมเปิดเวทีแดงสยาม
วันเดียวกัน นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำสยามแดง กล่าวว่า จะเดินทางเข้ากรุง เทพฯทันทีหลังจากเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว จะเริ่มเคลื่อนไหวลำดับแรกโดยการตั้งเวทีอีกครั้งที่สนามหลวง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาราว 3 วัน เป็นเวทีที่จะให้กำลังใจ ปลอบขวัญ กลุ่มคนเสื้อแดง หลังจากนั้นจะเริ่มการจัดตั้งสำนักงานในการเคลื่อนไหว และดูกันต่อไปว่าแกนนำนปช.ที่เข้ามอบตัวนั้นจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ จะมีการเข้าพูดคุยกัน
ส่วนตนนั้นจะต้องเดินตามแนวทางคือการร่วมกันปฏิวัติเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ ก่อนหน้าที่จะมีเหตุการณ์กันขึ้นนั้นได้หารือกับนายจักรภพ เพ็ญแข และประเมินสถานการณ์กันเรียบร้อยแล้วว่าต้องออกมา 3 แนวทางคือ 1.คุยกันจบ 2. รัฐสลายการชุมนุม และ3.เกิดรัฐประหาร หลังจาก นี้แดงสยามจะเข้าไปมีบทบาท กลุ่มคนเสื้อแดงจะได้ไม่กลายไปเป็นอนาธิปไตย โดยมีการประสาน งานเข้ามาแล้วจำนวนมากพร้อมที่จะไปด้วยกัน
นายสุรชัยกล่าวต่อว่าอยากฝากคำถามไปถึงสังคมไทยว่าที่ผ่านมา จอมพลถนอม พลเอกสุจินดา ที่ได้สั่งฆ่าประชาชนนั้นอยู่ไม่ได้ แล้วเหตุใดนายอภิสิทธิ์ถึงอยู่ได้ วันนี้นายอภิสิทธิ์ ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ผู้อาวุโสในพรรคประชาธิปัตย์เองต้องออกมามีบท บาทอย่าปล่อยให้เด็กบ้านเมืองจะกลายเป็นอนาธิปไตย
-พัทยาเฮ-ยกเลิกเคอร์ฟิว
เวลา 20.40 น. นายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ. ชลบุรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ทำหนังสือผ่านมาทาง ผวจ.ชลบุรี ถึงศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) เพื่อขอยกเว้นประกาศสถาน การณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ห้ามมิให้ประชา ชนออกนอกเคหสถานช่วงเวลา 21.00-05.00 น.ของวันใหม่ ตั้งแต่วันที่ 20-22 พ.ค. เพื่อควบคุมและแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่เมืองพัทยานั้น ขณะนี้ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน( ศอฉ.) ได้ประ กาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวภายในเขตเมืองพัทยาแล้ว จึงแจ้งมาให้ทราบโดยทั่วกัน ดังนั้นเมืองพัทยา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ จึงสามารถดำเนินการได้ตามปกติ สร้างความดีใจให้กับผู้ประกอบการ เมืองพัทยาเป็นอย่างยิ่ง
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำ นักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งศูนย์ฟื้นฟูและช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุน แรง เดิมแจ้งให้มาลงทะเบียนที่ศอฉ.นั้น ช่วงเสาร์-อาทิตย์นี้ ขอเปลี่ยนไปใช้ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เนื่องจากวันเดียวกันนี้มีผู้ประกอบการจำนวนมาก ทำให้สถานที่ศอฉ. คับแคบไปมาก และเกรงจะไม่สะดวกเรื่องการรักษาความปลอดภัย ส่วนผู้ประกอบการย่านสยามสแควร์ที่จะมาลงทะเบียน ขอให้ไปติดต่อลงทะเบียนที่ชั้นใต้ดินศูนย์หนังสือจุฬาฯ
(กรอบบ่าย)
-นักข่าวออสซี่แฉทหารยิง
ด้านเว็บไซต์ข่าว ดิ ออสเตรเลียน ของออส เตรเลีย รายงานว่า นายสตีฟ ทิกเนอร์ นักข่าวช่างภาพของตนที่มาจากเมืองนิวคาสเซิล รัฐนิวเซาท์เวลส์ เข้าไปทำข่าวการชุมนุมและอยู่ในที่เกิดเหตุสลายผู้ชุมนุมที่วัดปทุมวนาราม วันที่ 19 พ.ค. ทิกเนอร์ เล่าว่า ตลอดคืนนั้นมีแต่เสียงปืนและระเบิด ภายในวัดมีทั้งคนตายและผู้บาดเจ็บ คนที่อยู่ในวัดส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และไม่ใช่กลุ่มฮาร์ดคอร์
นายทิกเนอร์ กล่าวว่า ชายคนหนึ่งที่อยู่ในวัดถูกทหารที่อยู่ห่างจากวัดไม่กี่เมตรยิงเข้าใส่ ชายคนนั้นทรุดลงไปกองกับพื้น เมื่อตนและพระสงฆ์จะเข้าไปช่วยลากชายคนนั้นก็ถูกทหาร ยิงใส่เข้ามา ตนคิดว่าทหารรู้ว่าตนเป็นนักข่าว เพราะเห็นกล้อง ต่อมาตนและพระช่วยกันลากชายคนนั้นเข้าไป แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา บรรยากาศในตอนนั้นเต็มไปด้วยความกลัว ตื่นตระหนกและเครียด ตนไม่ได้ออกจากวัด เพราะ กลัวถูกยิงตาย ข้างนอกวัดมีสไนเปอร์และรถถัง มีแต่ความโกลาหล
-สื่อแคนาดาประณามยิงในวัด
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดอะโกล้บ แอนด์ เมล์ สื่อชื่อดังของประเทศแคนาดา รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค. นายมาร์ก แม็กคินนอน ผู้สื่อข่าวเดอะโกล้บ แอนด์ เมล์ ปฏิบัติหน้าที่ทำข่าวเหตุทหารไทยบุกโจมตีเวทีชุมนุมใหญ่คนเสื้อแดงแยกราชประสงค์ และเขียนบทความเรื่อง "In a Bangkok Buddhist temple, the groans of the wounded shot seeking sanctuary." เล่าประสบการณ์เฉียดตายในวันดังกล่าว ว่า ตนกับนายแอนดรูว์ บันคอมบ์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ ดิ อินดีเพนเดนต์ ประเทศอังกฤษ พร้อมนาย ร็อบ ดอนเนลแลน ชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และอาสาทำหน้าที่ล่ามแปลภาษา ออกไปเก็บข้อมูลสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกระทั่งท้ายที่สุดเข้าไปทำข่าวในเขตวัดปทุมวนารามในช่วงเย็นและพบชาวนา รวมทั้งชาวบ้าน ซึ่งเป็นมวลชนคนเสื้อแดงหลบภัยอยู่ข้างในวัดประมาณ 1,500 คน ส่วนแกนนำ นปช.นั้นหายไปหมดสิ้น
นายแม็กคินนอนระบุว่า ก่อนหน้านี้แกนนำเสื้อแดงกล่าวกับมวลชนว่าถ้าทหารบุกเข้าที่ชุมนุมให้เคลื่อนย้ายมายังวัดปทุมวนารามเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม พอใกล้ถึงกำหนดที่รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว เวลา 20.00 น. วันที่ 19 พ.ค. สถานการณ์รอบๆ วัดก็ตกอยู่ในสภาพตึงเครียด จนตนกับแอนดรูว์และร็อบออกจากวัดไม่ได้ต้องหลบกระสุนกันชุลมุน แม้ว่าวัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และน่าจะปลอดภัยก็ตาม ขณะเดียวกัน คนบางคนในกลุ่มผู้ชุมนุมพยายาม ยิงพลุตอบโต้ฝ่ายทหาร ต่อมาตนเข้าไปหลบในกุฏิพระและมีโอกาสใช้อินเตอร์เน็ตตรวจสอบเหตุการณ์ข้างนอก จากนั้นนายแอนดรูว์โทร ศัพท์มือถือเข้ามาบอกว่า "ผมถูกยิงแล้วเพื่อน" เมื่อไปถึงบริเวณประตูวัดพบนายแอนดรูว์ถูกปืนลูกซองยิงใส่ได้รับบาดเจ็บตรงต้นขา และเสียงกระสุนปืนดังสนั่นหวั่นไหวมาก
ผู้สื่อข่าวแคนาดาซึ่งผ่านประสบการณ์สยองในวัดปทุมวนาราม รายงานต่อไปว่า ตนใช้มือถือโทร.ติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตแคนาดา อังกฤษ รวมถึงโรงพยาบาลต่างๆ และต่อสายไปยังสำนักงานของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผู้ออกคำสั่งปราบปรามคนเสื้อแดง ชั่วโมงอันยาวนานผ่านพ้นไป บางขณะเสียงปืนเงียบไป แต่กลับดังระงมขึ้นอีก ตามด้วยเสียงระเบิดปริศนาหลายนัด ในที่สุดได้รับโทรศัพท์แจ้งว่ามีการตกลงหยุดยิงเพื่อให้รถพยาบาลเข้ามารับนายแอนดรูว์กับผู้บาดเจ็บออกจากวัดไปโรงพยาบาล เมื่อรถมาถึงนายแอน ดรูว์ปฏิเสธไม่ยอมขึ้นรถเป็นคนแรก เพื่อเปิดทางให้ผู้บาดเจ็บคนอื่นๆ ไปก่อน เพราะไม่มั่น ใจว่าเมื่อเจ้าหน้าที่มาช่วยชาวต่างชาติแล้วจะกลับไปเลยโดยละทิ้งคนอื่นๆ หรือไม่ ส่วนเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินขอให้ตนเข้าไปบอกคนในวัดว่าพรุ่งนี้เช้าจะพยายามกลับมาใหม่ อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อช่วยเหลือสตรี คนชรา และผู้บาดเจ็บที่อาจยังหลงเหลือ จากเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 7 คน ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่การแพทย์ 2 คน บาดเจ็บ 10 คน
-เชียงใหม่สั่งจับ 5 เสื้อแดง
เวลา 19.30 น. พ.ต.ท.สวัสดิ์ หล้ากาศ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเอาภาพจากกล้องวงจรปิดและภาพนิ่งทั้งของเทศบาลนครเชียงใหม่ ทำให้ทางตำรวจสามารถนำภาพไปประกอบสำนวนขอหมายจับกุมบุคคลในภาพได้จำนวน 5 คน แต่ยังไม่ทราบชื่อ เป็นชายอายุระหว่าง 30-40 ปี ได้แต่หน้าและทางศาลก็ได้อนุมัติหมายจับแล้ว และทางเราก็จะได้ตรวจเช็กภาพไปเรื่อยๆ คาดว่าจะมีหมายจับออกเรื่อยๆ ตามภาพที่ปรากฏ สำหรับชาวต่างชาติที่เป็นข่าวว่าไปร่วมชุมนุมและทำลายป้ายนั้น จากการตรวจสอบในภาพไม่ปรากฏชาวต่างประเทศไปร่วมแต่อย่างใด